วันนี้เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศและรัฐ ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญในภูมิศาสตร์ที่ช่วยให้เราเข้าใจว่าโลกมีโครงสร้างอย่างไร มาเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจว่าแต่ละคำหมายความว่าอย่างไรกันก่อน
ประเทศชาติคือกลุ่มคนที่มีลักษณะร่วมกัน เช่น ภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และบางครั้งอาจรวมถึงศาสนาด้วย ผู้คนในประเทศหนึ่งๆ มักรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งและความสามัคคี พวกเขาอาจอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือกระจายตัวอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ
ตัวอย่างเช่น ประเทศฝรั่งเศสประกอบด้วยผู้คนที่พูดภาษาฝรั่งเศสและมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสร่วมกัน พวกเขาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส แต่ก็มีชุมชนที่พูดภาษาฝรั่งเศสในส่วนอื่นๆ ของโลกด้วยเช่นกัน
รัฐคือพื้นที่ดินที่มีการกำหนดไว้และมีรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลจะออกกฎหมาย เก็บภาษี และให้บริการแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัฐ รัฐจะมีเขตแดนที่ชัดเจนซึ่งแยกรัฐออกจากรัฐอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาเป็นรัฐ มีรัฐบาล กฎหมาย และพรมแดนที่แยกออกจากแคนาดาและเม็กซิโก
บางครั้ง ประเทศและรัฐทับซ้อนกัน เรียกว่ารัฐชาติ ในรัฐชาติ ประชาชนจะมีเอกลักษณ์ร่วมกันและอยู่ภายใต้รัฐบาลเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่นเป็นรัฐชาติ คนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมและภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน และอาศัยอยู่ภายใต้รัฐบาลญี่ปุ่น
มาดูตัวอย่างบางส่วนเพื่อทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างประเทศและรัฐ:
ประเทศและรัฐมีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรา พวกเขามีอิทธิพลต่ออัตลักษณ์ของเรา ภาษาที่เราพูด และกฎหมายที่เราปฏิบัติตาม ต่อไปนี้เป็นบางวิธีที่พวกเขาส่งผลต่อเรา:
ประเทศและรัฐต่างๆ กระจายอยู่ทั่วโลก บางภูมิภาคมีรัฐเล็กๆ จำนวนมาก ในขณะที่บางภูมิภาคมีรัฐขนาดใหญ่ ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วน:
สหราชอาณาจักร (UK) เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจว่าประเทศและรัฐต่างๆ สามารถจัดระเบียบได้อย่างไร สหราชอาณาจักรเป็นรัฐที่ประกอบด้วย 4 ชาติ ได้แก่ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ แต่ละชาติมีวัฒนธรรมและเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้รัฐบาลของสหราชอาณาจักร
ผู้คนในสหราชอาณาจักรอาจระบุว่าตนเองเป็นชาวอังกฤษ แต่อาจระบุว่าตนเองเป็นชาวอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ หรือไอร์แลนด์เหนือก็ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศและรัฐต่างๆ สามารถทับซ้อนกันและอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
มาทบทวนสิ่งที่เราได้เรียนรู้กัน:
การทำความเข้าใจประเทศและรัฐช่วยให้เราเข้าใจว่าโลกมีการจัดระเบียบอย่างไรและผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างไร นอกจากนี้ยังแสดงให้เราเห็นว่าอัตลักษณ์ รัฐบาล และพรมแดนมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร