สวัสดีเพื่อนๆ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ ความหมายของคำศัพท์ และวิธีการบ่งชี้สิ่งต่างๆ ในโลกของเรา เราเรียกบทเรียนนี้ว่า "ธรรมชาติของความหมายและการอ้างอิง" ในบทเรียนนี้ เราจะใช้คำศัพท์ง่ายๆ และตัวอย่างที่ชัดเจนเพื่อให้ทุกคนเข้าใจได้ เราจะพูดถึงความหมายของการใช้คำศัพท์ และคำศัพท์ช่วยให้เราพูดถึงสิ่งที่เราเห็น รู้สึก และรู้ได้อย่างไร
คำศัพท์ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีในการแลกเปลี่ยนความคิด คำศัพท์มี ความหมาย ความหมายของคำศัพท์จะบอกเราว่าคำศัพท์นั้นหมายถึงอะไร หรือมีแนวคิดอะไรอยู่ในคำนั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณได้ยินคำว่า "แมว" คุณอาจจะนึกถึงสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ส่งเสียงคราง มีขน และชอบเล่น ความคิดนั้นในหัวของคุณคือความหมายของคำว่า "แมว"
ความหมายช่วยให้เราเข้าใจว่าใครบางคนกำลังพูดถึงอะไร เป็นเหมือนภาพในหัวของเราที่เกิดจากคำๆ นั้น เมื่อคุณได้ยินคำว่า "แอปเปิล" คุณจะนึกถึงผลไม้สีแดงหรือสีเขียวที่คุณสามารถกินได้ ความหมายของคำมาจากวิธีที่เราเรียนภาษาที่บ้าน ที่โรงเรียน และจากทุกคนรอบตัวเรา
แต่ละคำมีความหมายพิเศษที่แตกต่างกันไป ความหมายนั้นบอกบางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับโลกให้เราทราบ ตัวอย่างเช่น ความหมายของคำว่า "ดวงอาทิตย์" ทำให้เรานึกถึงลูกบอลขนาดใหญ่ที่สว่างไสวบนท้องฟ้า ซึ่งทำให้วันของเราอบอุ่นและสดใส
นอกจากความหมายแล้ว ยังมีแนวคิดสำคัญอีกประการหนึ่ง แนวคิดนี้เรียกว่า การอ้างอิง การอ้างอิงคือวิธีที่คำชี้ไปยังสิ่งต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อคุณพูดคำว่า "แมว" มันไม่ได้ทำให้คุณนึกภาพขึ้นเท่านั้น แต่ยังชี้ไปยังแมวตัวจริงที่อาจอยู่ที่บ้านหรือในภาพวาดอีกด้วย การเชื่อมโยงระหว่างคำกับสิ่งของจริงนั้นเรียกว่า การอ้างอิง
ตัวอย่างเช่น หากคุณพูดคำว่า “ต้นไม้” คุณอาจจะกำลังชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งนอกหน้าต่างของคุณ คำว่า “ต้นไม้” บอกคุณเกี่ยวกับต้นไม้ที่มีลำต้นและกิ่งก้าน ต้นไม้ต้นนั้นก็หมายถึงคำนั้น
ลองนึกภาพว่าคุณมีรถของเล่นคันโปรด เมื่อมีคนใช้คำว่า "รถ" คุณอาจจะนึกถึงรถของเล่นของคุณเองหากคุณตั้งใจฟังให้ดี ในขณะนั้น คำว่า "รถ" หมายถึงสิ่งของเฉพาะที่คุณรู้จักดี
ความหมายและการอ้างอิงเปรียบเสมือนตัวช่วยสองตัวที่ทำงานร่วมกันเมื่อเราใช้คำ ความหมายคือความคิดหรือภาพที่คุณสร้างขึ้นในหัวเมื่อได้ยินคำนั้น การอ้างอิงคือวัตถุ สัตว์ หรือความคิดในโลกแห่งความเป็นจริงที่คำนั้นกล่าวถึง
ลองมองให้ใกล้ขึ้นอีกนิด เมื่อคุณได้ยินคำว่า "สุนัข" คุณอาจจะนึกถึงสัตว์ที่เป็นมิตรที่เห่า กระดิกหาง และชอบเล่น ความคิดในใจของคุณคือความหมาย ในขณะเดียวกัน หากคุณเห็นสุนัขในสวนสาธารณะ คำว่า "สุนัข" จะชี้ไปที่สัตว์ที่มีชีวิตชีวาและกระโดดโลดเต้น สัตว์ตัวนั้นเองคือการอ้างอิง
วิธีง่ายๆ ในการคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ ความหมายอยู่ในจิตใจของเรา และการอ้างอิงอยู่ในโลกภายนอกเรา ทั้งสองอย่างนี้มีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจว่าคำพูดกำลังพยายามบอกอะไรกับเรา
คำพูดก็เหมือนเครื่องมือพิเศษที่ช่วยให้เราแบ่งปันความรู้สึก ความคิด และแนวคิดต่างๆ ได้ เมื่อคุณบอกเพื่อนเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของคุณ คุณก็ใช้คำพูดเพื่ออธิบายว่าสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างไร คุณบอกพวกเขาเกี่ยวกับการกระทำของมัน รูปลักษณ์ของมัน และสิ่งที่ทำให้มันพิเศษ
ทุกครั้งที่คุณใช้คำใดคำหนึ่ง คุณกำลังให้ความหมายของคำนั้นและชี้ไปยังสิ่งที่เป็นจริง ตัวอย่างเช่น เมื่อครูของคุณพูดว่า "หนังสือ" คุณจะนึกถึงหน้าต่างๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและรูปภาพ คำว่า "หนังสือ" มีความหมาย (แนวคิดเกี่ยวกับการอ่านและการเรียนรู้) และการอ้างอิง (หนังสือจริงที่คุณถืออยู่หรือเห็นบนชั้นวาง)
ในชีวิตประจำวันของเรา คำพูดช่วยให้เราพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เราเห็น คำว่า "ดอกไม้" "บ้าน" และ "เพื่อน" ช่วยให้เราทุกคนสามารถแบ่งปันประสบการณ์ของตนเองได้ คำพูดเหล่านี้ทำให้โลกของเราเป็นสถานที่ที่เราเข้าใจกันมากขึ้น
มาดูตัวอย่างง่ายๆ จากชีวิตประจำวันกันบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจว่าความหมายและการอ้างอิงทำงานอย่างไรในคำที่เราใช้:
ในตัวอย่างเหล่านี้ เมื่อคุณเข้าใจคำๆ นี้ จิตใจของคุณจะนึกภาพขึ้นมา จากนั้น เมื่อคุณมองไปรอบๆ คุณจะพบสิ่งที่คำๆ นี้ชี้ไป นั่นคือความมหัศจรรย์ของความหมายและการอ้างอิง
เมื่อคุณยังเล็ก คุณจะเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ทุกวัน คุณเรียนรู้คำศัพท์เหล่านั้นโดยการฟังพ่อแม่ ครู และเพื่อนๆ ของคุณ สมองของคุณเก่งมากในการสร้างภาพจากคำศัพท์ นี่คือวิธีที่คุณจะได้ความหมายของคำศัพท์
ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณได้ยินคนบอกว่า "ดูนกสิ!" และคุณเห็นนก คุณจะเรียนรู้ว่าคำว่า "นก" หมายถึงสัตว์ที่บินได้และร้องเพลงได้ ภาพในหัวของคุณจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นทุกครั้งที่เห็นนก นกที่อยู่ตรงหน้าคุณคือตัวอ้างอิง เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเรียนรู้คำศัพท์หลายคำและสร้างภาพขึ้นมาหลายภาพ
ครูจะช่วยคุณโดยแสดงรูปภาพในหนังสือหรือพาคุณออกไปข้างนอกเพื่อดูสิ่งของจริง เมื่อคุณเห็นต้นไม้ในชีวิตจริงหลังจากได้ยินคำว่า "ต้นไม้" สมองของคุณจะเชื่อมโยงคำนั้นกับลักษณะและความรู้สึกของต้นไม้ นี่คือวิธีที่ความหมายและการอ้างอิงจะแข็งแกร่งขึ้นในใจของคุณ
คำพูดก็เหมือนฉลากที่เราติดไว้บนสิ่งของ ลองนึกภาพว่าคุณมีกล่องใส่ของเล่นชิ้นโปรดของคุณ ของเล่นแต่ละชิ้นอาจมีชื่อ ชื่อก็คือคำศัพท์ และของเล่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้คุณนึกถึงมัน เมื่อคุณเห็นรถของเล่น คุณจะรู้ว่ามันคือรถ เพราะคุณได้เรียนรู้ชื่อนั้นแล้ว ฉลากง่ายๆ นี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและจดจำได้
ฉลากมีประโยชน์มาก ช่วยให้เราจัดระเบียบโลกได้ เช่นเดียวกับการวางหนังสือบนชั้นหนังสือหรือวางของเล่นไว้ในถังขยะพร้อมฉลาก คำพูดช่วยให้เราติดตามทุกส่วนของชีวิตได้ ฉลากบนกล่องช่วยให้คุณรู้ว่าข้างในมีอะไร ส่วนคำบนโปสเตอร์จะบอกคุณว่ากำลังแสดงภาพอะไรอยู่ ทั้งความหมายและการอ้างอิงทำงานร่วมกันเหมือนฉลากและรูปภาพ
ลองนึกถึงคำว่า "ฝน" เมื่อคุณได้ยินคำนี้ คุณจะรู้ว่าน้ำกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า ความหมายของคำว่า "น้ำ" คือ เมื่อฝนตกและคุณเห็นหยดน้ำ นั่นคือความหมาย คำว่า "ฝน" ช่วยให้คุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก
คำพูดเป็นมากกว่าเสียง พวกมันคือสะพาน สะพานช่วยให้ผู้คนข้ามแม่น้ำได้ ในทำนองเดียวกัน คำพูดช่วยให้ความคิดของเราเดินทางจากใจหนึ่งไปสู่อีกใจหนึ่ง เมื่อคุณพูดคำๆ หนึ่ง คุณก็กำลังส่งภาพเล็กๆ น้อยๆ ไปยังสมองของคนอื่น พวกเขาใช้ภาพนั้นเพื่อทำความเข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร
ตัวอย่างเช่น หากคุณเล่าให้เพื่อนฟังเกี่ยวกับวันสนุกๆ ที่สวนสาธารณะ คุณจะใช้คำเช่น "เล่น" "สไลเดอร์" และ "ชิงช้า" เพื่อนได้ยินคำเหล่านี้และนึกถึงสวนสาธารณะและเรื่องสนุกๆ ที่นั่น นั่นคือวิธีที่คำพูดทำหน้าที่เป็นสื่อกลางของรูปภาพและความคิดเล็กๆ น้อยๆ
แนวคิดนี้อาจดูเรียบง่าย แต่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงมีภาษาและทำไมเราจึงสามารถพูดคุยและเรียนรู้จากกันได้ทุกวัน หากไม่มีคำพูด เราก็คงจะแบ่งปันความคิดกันได้ยาก ความหมายและการอ้างอิงช่วยให้การสื่อสารของเราชัดเจนและน่าตื่นเต้น!
บางครั้งคำศัพท์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แม้ว่าเราจะเรียนรู้คำศัพท์เหล่านี้เมื่อเรายังเด็ก แต่ความหมายของคำศัพท์อาจเพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนไปเมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับโลกมากขึ้น นี่ก็เหมือนกับหนอนผีเสื้อที่กลายมาเป็นผีเสื้อ คำศัพท์อาจเริ่มต้นด้วยความหมายหนึ่ง จากนั้นจึงเพิ่มความหมายใหม่ๆ เข้ามาเมื่อผู้คนใช้คำนั้นในรูปแบบต่างๆ
ตัวอย่างเช่น ลองนึกถึงคำว่า "เกม" เมื่อคุณยังเด็ก "เกม" อาจเป็นกิจกรรมง่ายๆ เช่น การเล่นไล่จับ เมื่อคุณโตขึ้น คุณอาจเรียนรู้ว่า "เกม" อาจหมายถึงเกมคอมพิวเตอร์หรือเกมกระดานที่มีกฎมากมาย แม้ว่าคำๆ นั้นจะเหมือนกัน แต่สิ่งที่ชี้ไปอาจเปลี่ยนไปได้ ความหมายอาจกว้างขึ้น และอาจรวมถึงสิ่งต่างๆ มากมาย
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าภาษาเป็นสิ่งที่มีชีวิต ภาษาจะเติบโตไปพร้อมกับตัวคุณ ทุกครั้งที่คุณเรียนรู้คำศัพท์ใหม่หรือเรียนรู้วิธีใช้ใหม่ๆ ของคำศัพท์เก่า คุณก็ได้สร้างพจนานุกรมเล็กๆ ขึ้นมาในใจของคุณเอง พจนานุกรมนี้จะช่วยให้คุณสำรวจโลกและเพลิดเพลินไปกับเรื่องราว เพลง และบทสนทนา
ไม่ใช่ทุกคนจะพูดคำต่างๆ เหมือนกัน ทั่วโลกผู้คนพูดภาษาที่แตกต่างกัน แม้ว่าเสียงจะต่างกัน แต่ทุกคำก็มีความหมายและความหมายอ้างอิง ตัวอย่างเช่น คำว่า "น้ำ" ในภาษาหนึ่งอาจฟังดูไม่เหมือนกับคำในภาษาอื่น แต่ทั้งสองคำทำให้คุณนึกถึงของเหลวใสเย็นที่คุณดื่ม
แนวคิดนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่าคำพูดก็เหมือนเพื่อนที่ทำงานคนละครอบครัว พวกเขาอาจสวมเสื้อผ้าคนละแบบหรือพูดจาคนละแบบ แต่คำพูดเหล่านี้ช่วยเชื่อมโยงเราทุกคนเข้าด้วยกันด้วยการแบ่งปันโลกที่เหมือนกัน แม้ว่าคุณจะพบเพื่อนที่พูดภาษาอื่น คุณทั้งคู่ก็สนุกไปกับกิจกรรมเดียวกัน เช่น การเล่น การกิน และการหัวเราะ หากคุณเรียนรู้วิธีพูดคำเหล่านี้ร่วมกัน
เราเรียนรู้ผ่านภาษาว่าความหมายและการอ้างอิงสามารถพบได้ในคำศัพท์ทุกประเภททุกที่ ทุกวัฒนธรรมมีวิธีการตั้งชื่อสิ่งต่างๆ ในโลกของตนเอง และนั่นคือสิ่งที่ทำให้โลกของเราสดใสและเต็มไปด้วยสีสันต่างๆ
หลายๆ คน รวมทั้งครูและนักคิด สงสัยเกี่ยวกับความหมายและการอ้างอิงมาเป็นเวลานาน พวกเขาถามคำถาม เช่น "คำศัพท์มีความหมายได้อย่างไร" และ "อะไรทำให้คำศัพท์ชี้ไปที่สิ่งที่แท้จริง" แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ศึกษาคำถามเหล่านี้ในสาขาที่เรียกว่าปรัชญาของภาษา
นักปรัชญามักพูดถึงเรื่องต่างๆ เช่น ความหมายของคำนั้นอยู่ในใจเราเท่านั้นหรืออยู่ในตัวคำเองด้วย พวกเขาหารือกันว่าการอ้างอิงคำนั้นต้องเป็นสิ่งที่เป็นจริงเสมอหรือไม่ หรือบางครั้งอาจเป็นแนวคิดพิเศษก็ได้ แม้ว่าคำถามเหล่านี้จะเป็นคำถามใหญ่ๆ แต่เราก็สามารถคิดในแง่ที่เรียบง่ายได้ เราเข้าใจได้ว่าทุกคำช่วยให้เราแบ่งปันแนวคิดและเชื่อมโยงกับโลกได้
วิธีคิดอย่างหนึ่งก็เหมือนกับการวาดภาพ ก่อนอื่นคุณต้องคิดว่าจะวาดอะไร ซึ่งก็เหมือนกับความหมาย จากนั้นคุณหยิบสีเทียนขึ้นมาแล้ววาดลงบนกระดาษ ภาพวาดนั้นก็เหมือนกับการอ้างอิงเพราะมันแสดงให้เห็นสิ่งที่เป็นจริงซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้ ทั้งสองส่วนมีความสำคัญในการสร้างภาพที่สวยงาม เช่นเดียวกับความหมายและการอ้างอิงที่ช่วยทำให้คำพูดของเราชัดเจน
เรื่องราวและบทเพลงเป็นวิธีสนุกๆ ในการเรียนรู้คำศัพท์ เมื่อคุณฟังเรื่องราว คำศัพท์จะวาดภาพในใจคุณ คำศัพท์มีความหมาย และยังหมายถึงตัวละคร สถานที่ และสิ่งของที่คุณจินตนาการไว้ด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อเรื่องราวพูดถึงอัศวินผู้กล้าหาญ คุณสามารถนึกถึงอัศวินที่สวมชุดเกราะแวววาวได้ แม้ว่าอัศวินจะอยู่ในเรื่องราวเท่านั้นก็ตาม
เพลงก็มีวิธีทำแบบเดียวกัน เมื่อคุณร้องเพลงง่ายๆ เกี่ยวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องแสง คุณจะนึกถึงวันที่สดใสและอบอุ่น ความหมายของแต่ละคำในเพลงจะช่วยให้คุณรู้สึกมีความสุขและปลอดภัย ในขณะเดียวกัน เพลงยังหมายถึงดวงอาทิตย์และท้องฟ้าในเวลากลางวันที่คุณเห็นทุกวัน
นี่คือเหตุผลที่เรื่องราวและบทเพลงมีความมหัศจรรย์มาก เรื่องราวและบทเพลงใช้คำพูดเพื่อสร้างโลกทั้งใบในจิตใจของคุณ เรื่องราวและบทเพลงแสดงให้เราเห็นว่าความหมายและการอ้างอิงทำงานร่วมกันอย่างไรเพื่อสร้างภาพและความรู้สึกที่พิเศษมาก
คุณสามารถลองทดลองกับเพื่อนๆ หรือครอบครัวของคุณดูได้ โดยเลือกคำง่ายๆ เช่น "ดอกไม้" จากนั้นลองนึกถึงไอเดียต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวของคุณเมื่อได้ยินคำนั้น คุณอาจจะนึกถึงสีสัน กลิ่นหอม หรือสวน ภาพเหล่านั้นก็คือความหมายของคำนั้น
จากนั้นออกไปข้างนอกแล้วมองหาดอกไม้ เมื่อคุณเห็นดอกไม้ คุณก็พบคำอ้างอิงสำหรับคำนั้นแล้ว ดอกไม้ที่คุณเห็นจะช่วยให้คุณเชื่อมโยงความคิดในใจของคุณกับโลกแห่งความเป็นจริง เกมง่ายๆ นี้จะแสดงให้เห็นว่าความหมาย (รูปภาพ) และคำอ้างอิง (วัตถุจริง) ทำงานร่วมกันอย่างไร
คุณสามารถลองทำการทดลองกับคำศัพท์ต่างๆ เช่น "ฝน" "นก" หรือ "ต้นไม้" ไม่นาน คุณจะสังเกตเห็นว่าคำศัพท์ทุกคำที่คุณรู้จักมีความหมายพิเศษและชี้ไปยังบางสิ่งที่ทำให้โลกของเราเป็นสถานที่ที่สวยงาม
ในชีวิตประจำวันของเรา เรามักจะใช้คำพูดเสมอ เมื่อคุณเรียกชื่อเพื่อนของคุณ คุณกำลังใช้คำพูดที่มีความหมายและอ้างอิง ชื่อที่คุณใช้มีความหมายที่พิเศษสำหรับคุณและเพื่อนของคุณ เมื่อคุณพูด ว่า "ฉันรักคุณ" คำพูดนั้นสื่อถึงความรู้สึก (ความหมายของมัน) และชี้ไปยังอารมณ์ที่แท้จริง (การอ้างอิง)
เมื่อคุณพูดถึงสภาพอากาศ เช่น "วันนี้อากาศแจ่มใส" ความคิดเรื่องแสงแดดจะเข้ามาในหัวของคุณ ในขณะเดียวกัน คุณสามารถมองออกไปนอกอาคารและมองเห็นดวงอาทิตย์ที่สดใส ในกรณีนี้ ความหมายและการอ้างอิงจะทำงานร่วมกันเพื่อให้คุณรู้ว่าใครกำลังพูดอะไร
แม้แต่เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก คำพูดเหล่านั้นก็มีความหมายและชี้ให้เห็นถึงแนวคิดที่ตลกขบขัน บางทีเรื่องตลกอาจเล่นกับความหมายของคำพูดโดยใช้คำพูดในลักษณะที่น่าแปลกใจ จากนั้นคุณต้องคิดสักครู่เพื่อดูการอ้างอิง เมื่อคุณเข้าใจเรื่องตลกแล้ว คุณจะหัวเราะ เพราะทั้งความหมายและการอ้างอิงทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสิ่งที่สนุกสนาน
ความหมายของคำมักจะถูกกำหนดโดยวิธีที่ผู้คนใช้คำนั้น เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อผู้คนใช้คำนั้นในลักษณะเดียวกันมากขึ้น ความหมายของคำนั้นก็จะชัดเจนขึ้น ตัวอย่างเช่น คำว่า "เล่น" มักจะทำให้เราคิดถึงกิจกรรมที่สนุกสนาน ความหมายจะยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อทุกคนในชุมชนตกลงกันว่าคำนั้นหมายถึงอะไร
นี่ก็เหมือนกับการระบายสีภาพใหญ่ๆ ร่วมกัน ทุกคนใช้สีเดียวกันในสถานที่เดียวกันเพื่อให้ภาพดูคุ้นเคย ในภาษา เมื่อทุกคนใช้คำเดียวกัน ความหมายก็จะชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย
บางครั้ง คำพูดอาจเปลี่ยนไปเล็กน้อยหากผู้คนเริ่มใช้คำเหล่านั้นในรูปแบบอื่น แม้ในกรณีนั้น ส่วนที่มีความหมายและการอ้างอิงยังช่วยให้เราติดตามสิ่งที่กำลังพูดถึงได้ ซึ่งแสดงให้เราเห็นว่าภาษาเป็นสิ่งที่ยืดหยุ่นและมีชีวิตชีวา
ในแต่ละวัน คุณมีแนวคิดเกี่ยวกับความหมายของคำศัพท์เป็นของตัวเอง เมื่อคุณเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ คุณจะนึกภาพเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นในใจ ภาพนี้จะช่วยให้คุณแบ่งปันแนวคิดของคุณกับผู้อื่นได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเรียนรู้คำว่า "มีความสุข" คุณอาจนึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มและช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน แนวคิดดังกล่าวมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณรู้สึกดีและส่งต่อความสุขให้กับเพื่อนๆ ของคุณได้
ลองนึกถึงคำว่า “บ้าน” คุณนึกถึงอะไรในหัวของคุณ บางทีคุณอาจนึกถึงสถานที่อบอุ่นที่มีครอบครัวของคุณ ห้องนอนของคุณ หรือเก้าอี้ตัวโปรดของคุณ ความหมายของคำว่า “บ้าน” เต็มไปด้วยความรักและความสบายใจ และถ้าคุณไปที่บ้านของคุณ คุณจะเห็นสิ่งที่อ้างอิงถึง นั่นคือ สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและความห่วงใย
ความคิดและภาพของคุณเองเกี่ยวกับคำศัพท์ทำให้ภาษาของคุณมีความสมบูรณ์และเป็นส่วนตัว แม้ว่าคนอื่นอาจมีภาพที่แตกต่างกันสำหรับคำศัพท์เดียวกัน แต่คุณทุกคนต่างก็ใช้ภาษาเดียวกันเพื่อช่วยบอกเล่าเกี่ยวกับชีวิตและความฝันของคุณให้กันและกัน
การเรียนรู้ความหมายและการอ้างอิงนั้นเปรียบเสมือนการเล่นปริศนา คำแต่ละคำเป็นชิ้นส่วนที่ประกอบเข้ากับภาพรวมของโลกของเรา เมื่อคุณนำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบกัน คุณจะได้ภาพที่สวยงามและชัดเจน บางครั้งคุณอาจเห็นคำๆ หนึ่งแล้วสงสัยว่า "คำนี้มีความหมายว่าอะไรกันแน่" จากนั้นคุณก็จะนึกถึงสิ่งที่คุณจำได้ และนั่นคือวิธีที่คุณไขปริศนาได้
คุณสามารถเล่นเกมคำศัพท์กับครอบครัวได้ พูดคำศัพท์หนึ่งคำแล้ววาดรูปตามสิ่งที่คุณคิดว่ามีความหมาย แสดงภาพวาดของคุณให้คนอื่นดู พวกเขาอาจวาดบางอย่างที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่เป็นไร การทำเช่นนี้ทำให้ภาษาเป็นการผจญภัยที่สนุกสนาน โดยทุกคนจะมองเห็นรูปภาพในรูปแบบที่แตกต่างกัน
เกมนี้แสดงให้เห็นว่าความหมายและการอ้างอิงนั้นไม่ใช่แค่เพียงแนวคิดในหนังสือเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริงอีกด้วย ช่วยให้คุณสร้างเรื่องราว หัวเราะกับเรื่องตลก และแบ่งปันการผจญภัยของคุณกับทุกคนรอบตัวคุณ
เรามาจำแนวคิดสำคัญจากบทเรียนของเราวันนี้กัน:
ในชีวิตประจำวันของเรา เราใช้ภาษาเพื่ออธิบายโลกที่อยู่รอบตัวเรา ทุกคำที่คุณเรียนรู้จะเติมเต็มจิตใจของคุณด้วยภาพและความคิดอันล้ำค่า จำไว้ว่าความหมายและการอ้างอิงนั้นทำงานควบคู่กัน ความหมายนั้นอยู่ในหัวใจและจิตใจของคุณ และการอ้างอิงนั้นเป็นสิ่งที่วิเศษในโลกที่คุณเห็น
เราหวังว่าบทเรียนนี้จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับความงดงามของคำศัพท์ คำศัพท์ไม่ได้เป็นเพียงเสียงเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจที่เปิดประตูสู่การเรียนรู้ สำรวจ และแบ่งปันความรักและความสนุกสนานอีกด้วย รับฟัง อ่าน และพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวของคุณต่อไป เพื่อสร้างโลกแห่งคำศัพท์ของคุณเอง
ขอบคุณที่เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของความหมายและการอ้างอิงในวันนี้ โปรดจำไว้ว่าทุกคำที่คุณได้ยินและใช้จะช่วยให้คุณเข้าใจโลกได้ดีขึ้นเล็กน้อย สนุกกับการเล่นกับคำและปล่อยให้จินตนาการของคุณเติบโต!