บทเรียนนี้เกี่ยวกับการใช้กาลในประโยค กาลช่วยให้เราแสดงเวลาที่การกระทำเกิดขึ้น เราใช้กาลเพื่อบอกว่าบางสิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ หรือจะเกิดขึ้นในภายหลัง เมื่อเราเลือกใช้คำได้ดี เรื่องราวและบทสนทนาของเราก็จะชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย ในบทเรียนนี้ เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับกาลในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วยภาษาที่เรียบง่ายและตัวอย่างที่ชัดเจนจากชีวิตประจำวัน
กาลเป็นส่วนของประโยคที่บอกเล่าเวลาให้เราทราบ กาลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือจะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อเราพูดหรือเขียน เราใช้กาลต่างๆ เพื่อให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังทราบได้อย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นเมื่อใด
มีกาลหลักๆ อยู่ 3 กาล:
กาลอดีตใช้เมื่อเราพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อคุณพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน สัปดาห์ที่แล้ว หรือเมื่อนานมาแล้ว คุณกำลังใช้กาลอดีต คำเช่น "เมื่อวานนี้" "เมื่อคืนนี้" และ "สัปดาห์ที่แล้ว" เป็นเบาะแสว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในอดีต
ตัวอย่างเช่น พิจารณาประโยคนี้:
“ฉันเดินไปโรงเรียนเมื่อวาน”
ประโยคนี้บอกเราว่าการเดินเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเพิ่มเติมของประโยคอดีตกาล:
สำหรับกริยาปกติในกาลอดีต เรามักจะเติม -ed ลงท้าย ตัวอย่างเช่น "play" จะกลายเป็น "played" และ "walk" จะกลายเป็น "walked" อย่างไรก็ตาม กริยาบางคำไม่สม่ำเสมอและไม่ปฏิบัติตามกฎง่ายๆ นี้ ตัวอย่างเช่น "eat" จะกลายเป็น "ate" และ "go" จะกลายเป็น "went" การทำความเข้าใจกฎเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกคำที่ถูกต้องเมื่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
กาลปัจจุบันใช้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ นอกจากนี้ยังใช้เมื่อเราพูดถึงนิสัยหรือข้อเท็จจริงที่เป็นจริงอยู่เสมอ เมื่อคุณพูดว่า "ฉันอ่านหนังสือ" คุณกำลังแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์นั้นกำลังเกิดขึ้นในขณะนั้นหรือเป็นกิจกรรมปกติ
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของกาลปัจจุบัน:
บางครั้งเราใช้กาลปัจจุบันต่อเนื่องเพื่อแสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่เรากำลังพูด ในประโยคเช่น "ฉันกำลังเล่น" คำว่า "am" ช่วยให้เราเข้าใจว่าการกระทำนั้นกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
กาลอนาคตใช้กับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นแต่จะเกิดขึ้นในภายหลัง โดยในกาลอนาคต เรามักจะใส่คำว่า "will" ไว้ก่อนรูปพื้นฐานของกริยา
ตัวอย่างเช่น พิจารณาประโยคนี้:
“ฉันจะกินข้าวเย็นทีหลัง”
ประโยคนี้บอกเราว่าเรากำลังวางแผนจะรับประทานอาหารเย็นในเวลาที่กำลังจะมาถึง ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างประโยคอนาคตกาลเพิ่มเติม:
กาลอนาคตมีประโยชน์มากในการพูดถึงแผนการ ความฝัน และสิ่งที่คุณคาดหวังว่าจะเกิดขึ้น ช่วยให้ผู้อื่นทราบว่าคุณตื่นเต้นกับอะไรหรือวางแผนอะไรไว้
คำบอกเวลาหรือที่เรียกอีกอย่างว่าเครื่องหมายบอกเวลา มีหน้าที่ใช้กาลเพื่อแสดงเวลาที่เหตุการณ์เกิดขึ้น คำเหล่านี้จะเพิ่มรายละเอียดให้กับประโยคของคุณและทำให้เวลาชัดเจนขึ้น การใช้คำเหล่านี้มีความสำคัญเพื่อให้ผู้อื่นทราบว่าคุณกำลังพูดถึงอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต
ต่อไปนี้เป็นคำศัพท์เกี่ยวกับเวลาทั่วไปสำหรับกาลแต่ละกาล:
ตัวอย่างเช่น ในประโยค “เมื่อวานนี้ ฉันเล่นในสวนสาธารณะ” คำว่า “เมื่อวานนี้” บอกเราว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นในอดีต ในทำนองเดียวกัน การพูดว่า “ตอนนี้ ฉันเล่นเกม” จะทำให้เห็นชัดเจนว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นในปัจจุบัน สุดท้าย ประโยค “พรุ่งนี้ ฉันจะไปเยี่ยมเพื่อน” แสดงให้เห็นว่าการกระทำนั้นได้รับการวางแผนไว้สำหรับอนาคต
การเลือกกาลที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสื่อสารที่ชัดเจน เมื่อต้องการตัดสินใจว่าจะใช้กาลใด ให้พิจารณาว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อใด ถามตัวเองว่า "เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานหรือไม่ เกิดขึ้นตอนนี้หรือไม่ จะเกิดขึ้นในภายหลังหรือไม่" คำตอบของคำถามดังกล่าวจะบอกคุณว่ากาลใดถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น:
การเลือกกาลที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจลำดับเหตุการณ์ได้ ทำให้ข้อความของคุณชัดเจนขึ้นและติดตามได้ง่ายขึ้น
ประโยคเรียบง่ายจะชัดเจนและตรงประเด็น ประโยคประเภทนี้มักประกอบด้วยประธานและกริยา เมื่อคุณเพิ่มคำบอกเวลาลงในประโยคเรียบง่าย ความหมายจะชัดเจนยิ่งขึ้น
ลองพิจารณาตัวอย่างสั้น ๆ เหล่านี้:
ประโยคแต่ละประโยคแสดงถึงการกระทำเดียวกันที่เกิดขึ้นในเวลาต่างกัน ตัวอย่างง่ายๆ เหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของกาลต่างๆ การฝึกใช้ประโยคง่ายๆ จะช่วยให้คุณสร้างประโยคที่ซับซ้อนขึ้นได้ง่ายขึ้นในภายหลัง
มาดูตัวอย่างโดยละเอียดที่ใช้คำบอกเวลาและแสดงการกระทำที่ชัดเจน
ตัวอย่างที่ 1: “เมื่อวานนี้ฉันอบเค้กให้แม่”
ประโยคนี้ใช้กาลอดีตเพราะเค้กนี้อบในอดีต คำว่า “เมื่อวานนี้” ทำให้ระบุเวลาได้ชัดเจน
ตัวอย่างที่ 2: “วันนี้ฉันอ่านนิทานในชั้นเรียน”
ประโยคนี้แสดงถึงการกระทำในปัจจุบัน คำว่า “วันนี้” บอกเราว่าการอ่านกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
ตัวอย่างที่ 3: “พรุ่งนี้ฉันจะวาดรูปในชั้นเรียนศิลปะ”
ประโยคนี้เป็นกาลอนาคต คำว่า “พรุ่งนี้” บอกเราว่าภาพวาดจะเกิดขึ้นในภายหลัง
ตัวอย่างแต่ละตัวอย่างใช้เครื่องหมายบอกเวลาเพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อใด วิธีนี้มีประโยชน์มากในการจัดระเบียบความคิดและทำให้ประโยคของคุณเข้าใจง่ายขึ้น
เราใช้กาลปัจจุบันทุกวัน แม้จะไม่ได้คิดถึงมันก็ตาม เมื่อคุณพูดคุยเกี่ยวกับวันนี้หรือเล่านิทานให้เพื่อนฟัง คุณจะใช้กาลอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณพูดว่า "ฉันเดินไปโรงเรียน" คุณกำลังใช้กาลอดีตเพราะการเดินเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เมื่อคุณพูดว่า "ฉันไปโรงเรียน" คุณกำลังใช้กาลปัจจุบันเพื่อแสดงถึงกิจวัตรประจำวัน และเมื่อคุณพูดว่า "ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้" คุณกำลังใช้กาลอนาคตเพื่อพูดถึงแผนการ
การใช้กาลที่ถูกต้องในการสนทนาในชีวิตประจำวันจะทำให้ความคิดของคุณชัดเจนขึ้น ช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นเมื่อใด กำลังเกิดขึ้น หรือจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแบ่งปันเรื่องราว การวางแผน และแม้แต่การบอกผู้อื่นเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ
เมื่อคุณเล่าเรื่อง คุณอาจใช้กาลมากกว่าหนึ่งกาลเพื่ออธิบายส่วนต่างๆ ของเรื่อง เรื่องราวหนึ่งๆ อาจใช้กาลอดีต ปัจจุบัน และอนาคตผสมกัน สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังเมื่อผสมกาลต่างๆ เพื่อให้เรื่องราวดูสมเหตุสมผล
ตัวอย่างเช่นเรื่องราวอาจมีลักษณะดังนี้:
“เมื่อวานนี้ ฉันเดินไปที่สวนสาธารณะและเล่นชิงช้า ขณะที่อยู่ที่นั่น ฉันเห็นนกหลายตัว ตอนนี้ ฉันยิ้มเพราะจำวันที่สนุกสนานนั้นได้ ฉันรู้ว่าพรุ่งนี้ฉันจะได้ไปที่สวนสาธารณะอีกครั้ง”
เรื่องนี้ใช้กาลอดีตเพื่อบอกเล่าเรื่องราวสนุกๆ ในวันนี้ ใช้กาลปัจจุบันเพื่อแสดงความรู้สึกในปัจจุบัน และใช้กาลอนาคตเพื่อแบ่งปันแผน การผสมผสานกาลในลักษณะนี้สามารถเพิ่มรายละเอียดให้กับการเล่าเรื่องของคุณได้
บางครั้ง ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อใช้กาลไม่ถูกต้อง ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ การใช้เครื่องหมายบอกเวลาผิดรูปแบบ เช่น การพูดว่า "Yesterday, I will play." จะทำให้ผู้ฟังสับสน เพราะ "yesterday" เป็นสัญลักษณ์ของอดีต แต่ "will play" กลับเป็นการกระทำในอนาคต เพื่อแก้ไขปัญหานี้ คุณสามารถพูดว่า "Yesterday, I played."
ข้อผิดพลาดทั่วไปอีกอย่างหนึ่งคือการลืมใส่คำบอกเวลาที่ช่วยชี้แจงช่วงเวลาของการกระทำ เมื่อคุณใส่คำเช่น "วันนี้" "เมื่อวานนี้" หรือ "พรุ่งนี้" ประโยคของคุณจะชัดเจนขึ้นและตามได้ง่ายขึ้น ตรวจสอบประโยคของคุณเสมอโดยถามตัวเองว่า "เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อใด ในอดีต ตอนนี้ หรือในอนาคต"
การตรวจสอบง่ายๆ นี้สามารถแนะนำให้คุณเลือกกาลที่ถูกต้องได้ทุกครั้ง
คำช่วยเป็นคำเล็กๆ ที่ใช้ร่วมกับกริยาเพื่อให้ความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น มักใช้บ่งบอกว่าการกระทำใดกำลังเกิดขึ้น ในกาลอนาคต คำว่า will เป็นคำช่วย ในกาลปัจจุบัน คำเช่น am, is และ are จะช่วยแสดงว่าการกระทำนั้นกำลังดำเนินอยู่
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างคำช่วยในประโยค:
การใช้คำช่วยเหลือเหล่านี้ให้ถูกต้อง จะทำให้ประโยคของคุณราบรื่นและมีความหมายมากขึ้น
วิธีที่มีประโยชน์ในการทำความเข้าใจกาลคือการวาดเส้นเวลา ลองนึกภาพเส้นยาวๆ ทางด้านซ้าย คุณเขียนอดีต ตรงกลาง คุณเขียนปัจจุบัน ทางด้านขวา คุณเขียนอนาคต
เช่น คุณสามารถวาดเส้นได้ดังนี้:
---(อดีต)----- (ปัจจุบัน) ----- (อนาคต)---
จากนั้นคุณสามารถเขียนเหตุการณ์ลงไปได้ สำหรับอดีต คุณอาจเขียนว่า "เมื่อวานนี้ ฉันอบคุกกี้" ตรงกลาง คุณเขียนว่า "วันนี้ ฉันเรียนเรื่องกาล" และทางด้านขวา คุณจดบันทึกว่า "พรุ่งนี้ ฉันจะไปเที่ยวสวนสัตว์"
เครื่องมือภาพนี้ช่วยให้คุณเห็นลำดับเหตุการณ์และเลือกกาลที่ถูกต้องสำหรับแต่ละการกระทำ
มาดูเรื่องราวที่ใช้กาลทั้งสามนี้กันดีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเรียบง่ายเกี่ยวกับวันหนึ่งในชีวิตของนักเรียนสาวคนหนึ่ง
เมื่อวานตอนเช้าฉันตื่นแต่เช้า แต่งตัวและรับประทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย ฉันไปโรงเรียนและได้เรียนรู้สิ่งที่น่าสนใจมากมาย ฉันเล่นกับเพื่อนๆ ในช่วงพักและสนุกสนานตลอดทั้งวัน
วันนี้ฉันอยู่ในชั้นเรียน ฉันฟังครูและวาดรูป ฉันชอบอ่านและเขียน ฉันหัวเราะกับเพื่อนร่วมชั้นและรู้สึกมีความสุข เพราะฉันรู้ว่าการเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก
พรุ่งนี้ฉันจะไปที่ห้องสมุด ฉันจะเลือกหนังสือใหม่ๆ มาอ่านก่อนกลับบ้าน ฉันจะเล่าให้ครอบครัวฟังถึงเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้ทำที่โรงเรียน ฉันตั้งตารอที่จะได้มีวันดีๆ ที่จะเต็มไปด้วยการเรียนรู้และความสุขมากขึ้น
เรื่องนี้จะแสดงให้เห็นการใช้กาลอดีต ปัจจุบัน และอนาคตในการสนทนาในชีวิตประจำวัน ช่วยให้เราเข้าใจว่ากาลแต่ละกาลมีช่วงเวลาของตัวเอง และการใช้กาลเหล่านี้ร่วมกันสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์
การใช้กาลอย่างถูกต้องนั้นสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจเรื่องราว จดหมาย หรือบทสนทนาของคุณได้ หากใช้กาลในประโยคของคุณผิด เรื่องราวของคุณอาจสับสนได้ เมื่อคุณใช้กาลที่ถูกต้อง ผู้ฟังหรือผู้อ่านจะทราบได้อย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อใด กำลังเกิดขึ้น หรือจะเกิดขึ้นเมื่อใด
กาลต่างๆ ใช้ในหนังสือ บทสนทนา และแม้แต่ตอนที่คุณส่งข้อความ เมื่อคุณพูดว่า "ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว" ทุกคนรู้ว่าการบ้านเสร็จแล้ว เมื่อคุณพูดว่า "ฉันทำการบ้านทุกวัน" ผู้คนเข้าใจว่ามันเป็นกิจวัตรประจำวัน และเมื่อคุณพูดว่า "ฉันจะทำการบ้านทีหลัง" พวกเขาจะรู้ว่ามันได้รับการวางแผนไว้แล้ว
การใช้กาลอย่างเหมาะสมจะทำให้การเขียนของคุณชัดเจนและการพูดของคุณมีประสิทธิภาพ ถือเป็นส่วนสำคัญของการเรียนรู้การสื่อสารที่ดี
เมื่อคุณโตขึ้น คุณอาจเรียนรู้เกี่ยวกับกาลต่างๆ และโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้น ตอนนี้ เพียงแค่ฝึกฝนกาลพื้นฐานสามกาล ได้แก่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ก็เพียงพอแล้ว จำไว้ว่าแต่ละกาลมีกฎและคำแนะนำของตัวเอง การใส่ใจกับคำศัพท์เกี่ยวกับเวลา เช่น "เมื่อวาน" "วันนี้" และ "พรุ่งนี้" จะช่วยให้คุณเลือกคำศัพท์ที่เหมาะสมเมื่อพูดหรือเขียน
บางครั้งคุณอาจเห็นรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น กาลปัจจุบันต่อเนื่อง กาลอดีตต่อเนื่อง และกาลอนาคตต่อเนื่อง รูปแบบเหล่านี้จะเพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระทำ ตัวอย่างเช่น "ฉันกำลังกิน" บอกเราว่าการกระทำนั้นกำลังดำเนินอยู่ ในขณะที่ "ฉันกำลังกิน" แสดงให้เห็นว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งในอดีต การเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จะต่อยอดจากพื้นฐานที่คุณมีอยู่ในปัจจุบัน
ฝึกอ่านนิทานและฟังบทสนทนาที่ใช้กาลต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะสังเกตเห็นว่าใช้กาลที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณจำได้ว่าควรเลือกคำใดในประโยคของคุณ
การรู้จักใช้กาลอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสื่อสารอย่างชัดเจน เสมือนมีกุญแจพิเศษที่จะเปิดประตูสู่การเล่าเรื่องที่ชัดเจนและน่าสนใจ ด้วยการทำให้ประโยคเรียบง่ายและใช้คำบอกเวลา คุณก็มั่นใจได้ว่าทุกประโยคจะชัดเจน
จำไว้ว่ากาลอดีตช่วยให้คุณพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว กาลปัจจุบันบอกคุณถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ และกาลอนาคตบอกเล่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ คุณสามารถบรรยายวันของคุณ เล่าเรื่องราว และแบ่งปันแผนของคุณได้อย่างมั่นใจ
ตรวจสอบประโยคของคุณเสมอโดยถามว่า "เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อใด" คำถามง่ายๆ นี้จะช่วยแนะนำให้คุณเลือกกาลที่ถูกต้องและทำให้การเขียนและการพูดของคุณราบรื่นและสนุกสนาน
ประเด็นสำคัญที่ต้องจำ:
การเรียนรู้และฝึกฝนการใช้คำศัพท์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตในประโยคจะช่วยให้คุณสื่อสารได้ดีขึ้น อย่าลืมมองหาเครื่องหมายแสดงเวลาและคำช่วยในประโยคของคุณ ในไม่ช้า การใช้กาลอย่างถูกต้องจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพูดและการเขียนของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ
บทเรียนนี้จะแสดงให้คุณเห็นพื้นฐานการใช้กาลพร้อมตัวอย่างที่ชัดเจนและภาษาที่เรียบง่าย โปรดจำคำแนะนำนี้ไว้ในขณะที่คุณฟัง อ่าน และพูด ความสามารถในการบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะดีขึ้น และคุณจะสนุกกับการแบ่งปันเรื่องราวของคุณกับเพื่อนและครอบครัว