Google Play badge

ประเภทของประโยค


ประเภทของประโยค

ในบทเรียนนี้ เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับประโยคประเภทต่างๆ ประโยคคือกลุ่มคำที่แบ่งปันความคิดที่สมบูรณ์ ทุกครั้งที่เราพูดหรือเขียน เรามักจะใช้ประโยคเพื่อแบ่งปันความคิดของเรา ประโยคช่วยให้เราพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกและประสบการณ์ของเรา ประโยคสามารถบอกบางอย่างกับเรา ถามคำถาม ให้คำสั่ง หรือแสดงความตื่นเต้น วันนี้ เราจะศึกษาประโยคหลักสี่ประเภท ได้แก่ ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม ประโยคคำสั่ง และประโยคอุทาน เราจะเรียนรู้ว่าแต่ละประเภทใช้ทำอะไร และดูตัวอย่างที่พบได้ในชีวิตประจำวันของเรา

ประโยคช่วยให้การเขียนและการพูดของเราชัดเจนและน่าสนใจ ประโยคเปรียบเสมือนรากฐานที่ช่วยให้เราแบ่งปันความคิด ไม่ว่าคุณจะกำลังเล่าเรื่อง ถามคำถาม หรือแสดงความรู้สึก การรู้จักประเภทประโยคต่างๆ จะช่วยให้คุณสื่อสารได้ดีขึ้น มาเริ่มบทเรียนด้วยการทำความเข้าใจว่าประโยคคืออะไร

ประโยคคืออะไร?

ประโยคคือกลุ่มคำที่สมบูรณ์ซึ่งแสดงถึงความคิดที่สมบูรณ์ ประโยคแต่ละประโยคเริ่มต้นด้วยอักษรตัวใหญ่และลงท้ายด้วยเครื่องหมายวรรคตอน เครื่องหมายวรรคตอนอาจเป็นจุด เครื่องหมายคำถาม หรือเครื่องหมายอัศเจรีย์ กฎเล็กๆ น้อยๆ นี้ทำให้ประโยคของเราดูเรียบร้อยและเข้าใจง่าย

ลองนึกถึงประโยคหนึ่งๆ ว่าเป็นเรื่องราวสั้นๆ ที่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด โดยจุดเริ่มต้นจะทำเครื่องหมายด้วยอักษรตัวใหญ่ และจุดสิ้นสุดจะมีเครื่องหมายวรรคตอน ซึ่งจะช่วยบอกผู้อ่านว่าประโยคนี้สมบูรณ์แล้ว ในแต่ละประโยคจะมีส่วนสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ ประธานและกริยา ประธานจะบอกเราว่าประโยคนี้เกี่ยวกับใครหรือเกี่ยวกับอะไร ส่วนกริยาจะบอกเราว่าประธานทำอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นกับประธาน ตัวอย่างเช่น ในประโยค "The cat sleeps" คำว่า "The cat" จะเป็นประธาน และคำว่า "sleps" จะเป็นกริยา

ประโยคบอกเล่า

ประโยคบอกเล่าเป็นประโยคประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด ใช้เพื่อระบุข้อเท็จจริงหรือแบ่งปันข้อมูล เมื่อคุณต้องการบอกบางสิ่งกับใคร คุณจะใช้ประโยคบอกเล่า ประโยคเหล่านี้เพียงแบ่งปันข้อมูลและลงท้ายด้วยจุดเสมอ ประโยคบอกเล่ามีความชัดเจนและเข้าใจง่าย

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างประโยคบอกเล่า:

เมื่อคุณพูดบอกเล่าถึงสิ่งที่คุณสังเกตหรือคิด คุณกำลังใช้ประโยคบอกเล่า ประโยคเหล่านี้อาจพบเห็นได้ในหนังสือเรื่อง บทสนทนา และแม้แต่ในสัญลักษณ์ต่างๆ ประโยคเหล่านี้ให้ข้อมูลที่เราต้องการในรูปแบบที่เรียบง่าย

ประโยคคำถาม

ประโยคคำถามใช้เพื่อถามคำถาม เมื่อคุณสงสัยเกี่ยวกับบางสิ่งหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม คุณจะถามประโยคคำถาม ประโยคเหล่านี้มักจะลงท้ายด้วยเครื่องหมายคำถาม การถามคำถามเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับโลกที่อยู่รอบตัวคุณ

ลองดูประโยคคำถามตัวอย่างเหล่านี้:

ทุกครั้งที่คุณอยากรู้หรือต้องการค้นหาบางอย่าง คุณจะใช้ประโยคคำถาม คำถามจะช่วยให้คุณเรียนรู้ และยังช่วยเริ่มต้นการสนทนาที่สนุกสนานกับเพื่อนและครูอีกด้วย

โปรดจำไว้ว่าทุกครั้งที่คุณถามคำถาม อย่าลืมใส่เครื่องหมายคำถามลงท้ายประโยคด้วย เพราะเครื่องหมายคำถามจะช่วยบอกผู้ฟังหรือผู้อ่านว่าคุณกำลังถามคำถามอยู่

ประโยคคำสั่ง

ประโยคคำสั่งใช้เพื่อสั่ง ให้คำแนะนำ หรือขอร้อง โดยจะบอกผู้อื่นว่าต้องทำอะไร ประโยคเหล่านี้อาจเป็นประโยคสุภาพและชัดเจนหรือประโยคที่หนักแน่นและตรงไปตรงมา ประโยคคำสั่งอาจลงท้ายด้วยจุดหรือบางครั้งก็อาจลงท้ายด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์หากคำสั่งนั้นหนักแน่น

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างประโยคบังคับ:

ประโยคบังคับเป็นประโยคที่ใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวัน เมื่อคุณได้ยินพ่อแม่ของคุณพูดว่า "แปรงฟัน" หรือครูของคุณพูดว่า "เงียบ" ประโยคเหล่านี้เป็นประโยคบังคับที่บอกคุณว่าต้องทำอย่างไร ประโยคเหล่านี้มีความสำคัญในการช่วยให้เราปฏิบัติตามคำแนะนำและจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ได้

ในหลายกรณี ประโยคคำสั่งอาจไม่มีประธานที่ชัดเจน เราเข้าใจว่าประธานมักจะเป็น "คุณ" ตัวอย่างเช่น ในประโยค "วิ่งเร็ว" ชัดเจนว่ามีคนบอกให้วิ่ง คำว่า "คุณ" จึงเข้าใจได้และละเว้นไว้

ประโยคอุทาน

ประโยคอุทานแสดงถึงความรู้สึกที่รุนแรง เช่น ความสุข ความประหลาดใจ ความโกรธ หรือความตื่นเต้น ประโยคเหล่านี้เต็มไปด้วยอารมณ์และมักจะลงท้ายด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์ ประโยคเหล่านี้ทำให้ภาษาของเรามีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลัง เมื่อคุณรู้สึกมั่นใจมากเกี่ยวกับบางสิ่ง คุณอาจใช้ประโยคอุทานเพื่อแสดงอารมณ์ของคุณ

ลองพิจารณาตัวอย่างประโยคอุทานเหล่านี้:

ประโยคอุทานช่วยให้คุณแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจนและหนักแน่น ทำให้การพูดและการเขียนของคุณน่าสนใจและน่าตื่นเต้นมากขึ้น เมื่อคุณมีความสุขมาก ตกใจ หรือแม้แต่โกรธเล็กน้อย ประโยคเหล่านี้จะช่วยให้คุณแสดงอารมณ์ออกมาได้

การใช้ประโยคประเภทต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

ในแต่ละวัน เราใช้ประโยคทั้งสี่ประเภท เมื่อคุณทักทายเพื่อน คุณมักจะใช้ประโยคบอกเล่า เมื่อคุณถามเกี่ยวกับวันนี้ของใครคนหนึ่งหรือมองหาอะไรสักอย่าง คุณมักจะใช้ประโยคคำถาม ที่โรงเรียนหรือที่บ้าน เมื่อคุณได้รับคำสั่ง จะใช้ประโยคคำสั่ง และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือน่าตื่นเต้น คุณอาจได้ยินประโยคอุทาน

ตัวอย่างเช่น ลองนึกภาพว่าคุณตื่นนอนตอนเช้า คุณอาจพูดว่า "สวัสดีตอนเช้า" นี่เป็นประโยคบอกเล่าเพราะเป็นการบอกกล่าวกับผู้อื่นเกี่ยวกับคำทักทายตอนเช้า ในภายหลัง เมื่อคุณสงสัยว่าวันนี้อากาศจะแจ่มใสหรือไม่ คุณอาจถามว่า "วันนี้อากาศจะแจ่มใสไหม" นั่นเป็นประโยคคำถาม ในเวลาอาหารเช้า หากมีใครพูดว่า "กรุณาส่งเนยมา" นั่นเป็นประโยคคำสั่ง และเมื่อคุณเห็นรุ้งกินน้ำขนาดใหญ่และสดใส คุณอาจจะตะโกนว่า "รุ้งกินน้ำช่างน่าทึ่งจริงๆ!" นั่นเป็นประโยคอุทาน

การใช้ประโยคประเภทที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่เหมาะสมจะทำให้การสื่อสารของเราชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจความรู้สึกและความตั้งใจของเรา การรู้จักประเภทประโยคเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะใช้ประโยคใดในการสนทนาในชีวิตประจำวัน การอภิปรายในชั้นเรียน และการเขียน

เครื่องหมายวรรคตอนในประโยค

เครื่องหมายวรรคตอนมีความสำคัญมากเพราะช่วยให้เราทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยคนั้นๆ ประโยคแต่ละประเภทจะลงท้ายด้วยเครื่องหมายวรรคตอนที่แตกต่างกัน:

เมื่อคุณเขียนประโยค อย่าลืมใช้เครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง เครื่องหมายวรรคตอนจะช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจได้หากคุณกำลังกล่าวข้อเท็จจริง ถามคำถาม ให้คำแนะนำ หรือแสดงอารมณ์ที่รุนแรง การเรียนรู้กฎนี้จะทำให้การเขียนของคุณชัดเจนขึ้นมาก

ความสำคัญของตัวอักษรพิมพ์ใหญ่

ประโยคทุกประโยคเริ่มต้นด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ ซึ่งถือเป็นกฎที่สำคัญ ตัวอักษรตัวแรกของคำแรกในประโยคต้องตัวใหญ่ ซึ่งแสดงว่าประโยคใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว ตัวอย่างเช่น ในประโยค "The dog barks" คำว่า "The" เริ่มต้นด้วยตัว T ตัวใหญ่

ไม่สำคัญว่าคุณกำลังเขียนคำถามหรือคำสั่ง แม้แต่ในประโยคเหล่านี้ คำแรกต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ กฎง่ายๆ นี้จะทำให้การเขียนของคุณดูเรียบร้อยและเป็นมืออาชีพ เมื่อคุณปฏิบัติตามกฎนี้ ประโยคของคุณจะอ่านและเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ประโยคช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างไร

ประโยคเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร ช่วยให้คุณแสดงความคิดได้อย่างชัดเจน ประโยคแต่ละประเภทจะช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับข้อความของคุณ:

เมื่อคุณใช้ประโยคประเภทต่างๆ เหล่านี้ร่วมกัน คุณจะสามารถสนทนาได้ชัดเจนและน่าสนใจ ประโยคเหล่านี้จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้ด้วยการบอกให้พวกเขารู้ว่าคุณหมายถึงอะไร การใช้ประโยคประเภทที่ถูกต้องจะช่วยลดความสับสนและทำให้ข้อความของคุณมีความชัดเจนมากขึ้น

การเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน

บ่อยครั้ง เราไม่ได้ใช้ประโยคเดียวในการแสดงความคิด แต่ใช้ประโยคหลายประโยคที่เชื่อมโยงกัน การเชื่อมโยงประโยคเหล่านี้จะสร้างเป็นย่อหน้า เรื่องราว หรือแม้แต่หนังสือทั้งเล่ม ประโยคแต่ละประโยคไม่ว่าจะสั้นหรือยาวก็ล้วนเพิ่มชิ้นส่วนใหม่ให้กับข้อความของเรา

ตัวอย่างเช่น ลองนึกภาพว่าคุณกำลังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวันที่คุณไปสวนสาธารณะ คุณอาจพูดว่า "ฉันไปสวนสาธารณะ เล่นชิงช้า วิ่งเล่นรอบสวน สนุกมากเลย" ประโยคแต่ละประโยคมีความชัดเจนในตัวเอง เมื่อนำมารวมกันก็จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้ แม้ว่าประโยคแต่ละประโยคจะเรียบง่าย แต่เมื่อนำมารวมกันก็ทำให้เกิดภาพรวมที่น่าสนใจและสมบูรณ์

การรู้จักเชื่อมประโยคจะช่วยให้คุณเขียนได้ดีขึ้นและแบ่งปันความคิดของคุณได้อย่างเป็นระเบียบ เปรียบเสมือนการสร้างหอคอยด้วยบล็อก บล็อกแต่ละบล็อก (หรือประโยค) มีความสำคัญในการสร้างหอคอยให้แข็งแรงและสวยงาม

การใช้ประโยคในชีวิตประจำวัน

คุณใช้ประโยคทุกวันโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลย เมื่อคุณคุยกับเพื่อน ถามคำถามกับครู หรือบอกพ่อแม่ว่าคุณต้องการอะไร คุณจะใช้ประโยคที่ช่วยให้คุณบอกเล่าความรู้สึกและความคิดของคุณได้ ในการสนทนาทุกครั้ง คุณจะใช้ประโยคบอกเล่า คำถาม คำสั่ง และอุทาน

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างในชีวิตประจำวัน:

เมื่อคุณสังเกตประโยคเหล่านี้รอบตัว คุณจะเริ่มเข้าใจว่าประโยคเหล่านี้มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเรามากเพียงใด ประโยคเหล่านี้คือคำที่บอกเล่าความคิดและอารมณ์ของเรา และช่วยให้เราเข้าใจโลกมากขึ้น

การทบทวนประเภทประโยคหลักสี่ประเภท

มาทบทวนสิ่งที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับประโยคสี่ประเภทหลักกัน:

ประโยคแต่ละประเภทมีการใช้งานเฉพาะของตัวเอง หากใช้ประโยคเหล่านี้ให้ถูกต้อง เราก็จะสามารถแสดงความคิดของเราได้อย่างชัดเจนและทำให้การพูดของเราน่าสนใจ ไม่ว่าคุณจะกำลังเขียนเรื่องราวหรือกำลังคุยกับเพื่อน การรู้ว่าควรใช้ประโยคใดจึงมีความสำคัญมาก

เหตุใดการเรียนรู้ประเภทประโยคจึงมีความสำคัญ

การเรียนรู้ประโยคประเภทต่างๆ จะช่วยพัฒนาทักษะการเขียนและการพูดของคุณ เมื่อคุณรู้ว่าควรใช้ประโยคใด คุณจะสามารถแสดงความคิดของคุณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้การเขียนของคุณน่าสนใจและเข้าใจง่ายขึ้นอีกด้วย

การเขียนที่ดีเปรียบเสมือนบทเพลงที่มีการเล่นโน้ตต่าง ๆ ประสานกัน ประโยคแต่ละประเภทเปรียบเสมือนโน้ตต่าง ๆ เมื่อใช้ร่วมกัน โน้ตแต่ละประเภทจะสร้างทำนองเพลงที่ไพเราะ บทเรียนนี้จะแสดงให้เห็นว่าการฝึกฝนการใช้ประโยคแต่ละประเภทมีความสำคัญเพียงใดเพื่อให้คุณสื่อสารได้ดีขึ้น

เมื่อคุณเรียนรู้และเติบโตต่อไป คุณจะสังเกตเห็นว่าประโยคต่างๆ ปรากฏอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในหนังสือ ป้าย หรือแม้กระทั่งในโทรทัศน์ ประโยคทุกประโยคที่คุณอ่านหรือฟังสามารถบอกใบ้ให้คุณทราบว่าผู้เขียนหรือผู้พูดกำลังรู้สึกอย่างไร ด้วยการฝึกฝน คุณจะสามารถเลือกประเภทประโยคที่สมบูรณ์แบบสำหรับสถานการณ์ใดๆ ก็ได้

สรุปประเด็นสำคัญ

วันนี้เราเรียนรู้ว่าประโยคเป็นองค์ประกอบสำคัญของภาษา ประโยคทุกประโยคมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด โดยเริ่มด้วยอักษรตัวใหญ่และลงท้ายด้วยเครื่องหมายวรรคตอน ประโยคแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้

นอกจากนี้ เรายังได้ทบทวนความสำคัญของเครื่องหมายวรรคตอนและอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ในการทำให้ประโยคชัดเจนและอ่านง่าย ประโยคช่วยให้เราแบ่งปันความคิด ถามคำถาม ให้คำแนะนำ และแสดงอารมณ์ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน

อย่าลืมฝึกใช้ประโยคประเภทเหล่านี้ทุกวัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณเขียนได้ดีขึ้นและพูดได้ชัดเจนขึ้น สนุกกับการสร้างประโยคของคุณเองและปล่อยให้คำพูดของคุณเปล่งประกายในขณะที่คุณแบ่งปันความคิดของคุณกับผู้อื่น

Download Primer to continue