Google Play badge

ใช้เบาะแสเพื่อทำความเข้าใจคำศัพท์ใหม่


การใช้เบาะแสเพื่อทำความเข้าใจคำศัพท์ใหม่

วันนี้เราจะเรียนรู้วิธีใช้เบาะแสเพื่อทำความเข้าใจคำศัพท์ใหม่ เมื่อคุณอ่าน คุณอาจเห็นคำศัพท์ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน เบาะแสจะช่วยให้คุณเดาความหมายของคำศัพท์เหล่านี้ได้ บทเรียนนี้จะแสดงวิธีต่างๆ ในการใช้เบาะแสจากหนังสือ รูปภาพ และคำศัพท์รอบๆ คำศัพท์ใหม่

การแนะนำ

ทุกครั้งที่คุณอ่านเรื่องราวหรือหนังสือ คุณจะพบกับคำศัพท์ใหม่ๆ มากมาย บางครั้งคำศัพท์เหล่านี้อาจดูยาก แต่ไม่ต้องกังวล เบาะแสอยู่รอบตัวคุณ เบาะแสในเรื่องราวเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าคำศัพท์หมายถึงอะไร ลองนึกถึงเบาะแสเหมือนตัวช่วยเล็กๆ น้อยๆ ที่จะชี้แนะคุณไปในทิศทางที่ถูกต้อง ในบทเรียนนี้ เราจะเรียนรู้ว่าเบาะแสคืออะไรและจะใช้ได้อย่างไร คุณจะได้เรียนรู้การดูรูปภาพ ฟังเสียง และอ่านประโยคต่างๆ อย่างระมัดระวัง

เบาะแสก็เหมือนชิ้นส่วนเล็กๆ ของจิ๊กซอว์ เมื่อคุณนำชิ้นส่วนเหล่านั้นมาต่อกัน คุณจะสร้างภาพรวมของความหมายของคำๆ หนึ่งได้ เบาะแสอาจมาจากหลายแหล่ง อาจมาจากรูปภาพที่คุณเห็น ประโยคที่สอดคล้องกับคำนั้นๆ หรือแม้แต่จากส่วนต่างๆ ของคำนั้นๆ เอง

เบาะแสคืออะไร?

เบาะแสคือคำใบ้ที่ช่วยให้คุณเข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ชัดเจน ในการอ่าน เบาะแสจะช่วยให้คุณเข้าใจคำศัพท์ใหม่ บางครั้ง เบาะแสอาจอยู่ในประโยคที่แสดงให้คุณเห็นความหมายของคำศัพท์ใหม่ บางครั้ง เบาะแสอาจอยู่ในรูปภาพหรือบางส่วนของคำศัพท์ เช่น จุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของคำศัพท์

ตัวอย่างเช่น หากคุณอ่านประโยค "The fluffy puppy purred softly" คุณอาจไม่รู้จักคำว่า "purred" แต่ภาพลูกแมวและเสียงที่นุ่มนวลและมีความสุขสามารถช่วยให้คุณเข้าใจว่า "purred" หมายถึงเสียงฮัมเบาๆ เบาะแสจะช่วยให้คุณเติมคำในช่องว่างเมื่อคำนั้นดูลึกลับ

เหตุใดเบาะแสจึงสำคัญ?

เบาะแสมีความสำคัญมากเพราะช่วยให้เราเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องหยุดอ่าน เมื่อคุณใช้เบาะแส คุณไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือทุกครั้งที่เห็นคำศัพท์ใหม่ เบาะแสจะช่วยให้คุณอ่านหนังสือได้ดีขึ้น หากคุณเข้าใจคำศัพท์มากขึ้น คุณจะสนุกกับเรื่องราวได้มากขึ้น

การใช้เบาะแสทำให้การอ่านสนุกและน่าตื่นเต้น รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังไขปริศนาเล็กๆ น้อยๆ ในทุกๆ หน้า เมื่อคุณพบเบาะแส คุณจะรู้สึกภาคภูมิใจเพราะสามารถหาความหมายของคำนั้นได้ด้วยตัวเอง ทำให้การเรียนรู้ที่จะอ่านน่าสนใจยิ่งขึ้นและทำให้คุณเป็นนักอ่านที่ชาญฉลาด

ประเภทของเบาะแสเพื่อทำความเข้าใจคำศัพท์ใหม่

มีเบาะแสหลายประเภทที่จะช่วยให้คุณเข้าใจคำศัพท์ใหม่ ๆ เบาะแสแต่ละประเภทมาจากส่วนต่าง ๆ ของเรื่องราว ต่อไปนี้คือประเภทของเบาะแส:

การใช้เบาะแสจากภาพ

ภาพช่วยเสริมความรู้มีประโยชน์มากเมื่อคุณเริ่มอ่านหนังสือ หนังสือนิทานหลายเล่มมีภาพที่ชัดเจนซึ่งช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องราวได้ ดูภาพก่อนอ่านคำศัพท์ ถามตัวเองว่า "เกิดอะไรขึ้นที่นี่" หากคุณเห็นภาพดวงอาทิตย์ยิ้มบนท้องฟ้าสีฟ้า คุณอาจเดาได้ว่าคำว่า "radiant" หมายถึงสว่างหรือส่องแสง

บางครั้ง รูปภาพสามารถอธิบายความหมายของคำนั้นได้ แม้ว่าคำนั้นจะยากก็ตาม ตัวอย่างเช่น หากคุณเห็นภาพสิงโตคำรามอยู่ถัดจากคำว่า "ดุร้าย" รูปภาพนั้นจะช่วยให้คุณรู้ว่าสิงโตตัวนั้นดูแข็งแกร่งมาก และบางทีก็ดูน่ากลัวเล็กน้อย รูปภาพเหล่านี้เปรียบเสมือนคู่มือลับที่บอกเล่าเรื่องราวให้คุณฟังโดยไม่ต้องใช้คำพูด

การใช้คำใบ้บริบท

คำใบ้บริบทคือคำใบ้ที่อยู่รอบๆ คำใหม่ คำใบ้เหล่านี้มาจากประโยคหรือย่อหน้า เมื่อคุณเห็นคำใหม่ ให้ลองอ่านประโยคก่อนและหลังคำนั้น คำอื่นๆ จะให้คำใบ้แก่คุณ ตัวอย่างเช่น ในประโยค "The little plant grow very slow in the dark, cold soil" คำว่า "slowly" และ "dark, cold soil" จะให้คำใบ้แก่คุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าพืชไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว

การหาคำใบ้ในบริบทจะช่วยให้คุณใช้สมองในการเชื่อมโยงจุดต่างๆ เข้าด้วยกัน เหมือนกับการเป็นนักสืบ คุณเห็นคำศัพท์ใหม่แล้วจึงค้นหาคำใบ้ที่อยู่รอบๆ คำใบ้เหล่านี้จะช่วยให้คุณเดาได้ว่าคำศัพท์นั้นหมายถึงอะไร บางครั้งบริบทอาจรวมถึงการเปรียบเทียบ ตัวอย่างเช่น "ฟักทองยักษ์มีขนาดใหญ่เท่ากับรถยนต์คันเล็ก" ในกรณีนี้ การเปรียบเทียบกับรถยนต์คันเล็กจะบอกคุณได้ว่าฟักทองนั้นมีขนาดใหญ่จริงๆ

การใช้คำใบ้ส่วนประกอบต่างๆ

คำศัพท์หลายคำประกอบด้วยส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ ส่วนเหล่านี้เรียกว่าคำนำหน้า รากศัพท์ และคำต่อท้าย ในโรงเรียนประถมศึกษา คุณอาจเห็นส่วนประกอบของคำง่ายๆ เช่น คำนำหน้า "un-" แปลว่า "ไม่" ดังนั้น หากคุณเห็นคำว่า "unhappy" คุณคงเดาได้ว่าหมายถึง "ไม่มีความสุข" นี่คือวิธีหนึ่งในการค้นหาเบาะแส

ตัวอย่างอื่น ๆ ได้แก่ คำว่า "replay" คำนำหน้า "re-" แปลว่า "อีกครั้ง" ดังนั้น replay จึงหมายถึงการเล่นบางสิ่งอีกครั้ง เมื่อคุณเห็นส่วนทั่วไปเหล่านี้ของคำ พวกมันจะช่วยให้คุณทราบว่าคำนั้นกำลังสื่อถึงอะไร

แม้ว่าคุณจะไม่รู้จักคำทั้งคำ แต่คุณก็สามารถเดาความหมายของคำนั้นได้หากคุณรู้ส่วนต่างๆ ของคำเพียงเล็กน้อย หากคุณเห็นคำที่ลงท้ายด้วย "-ly" มักจะอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น "quickly" บอกเราว่าบุคคลหรือสิ่งของเคลื่อนที่เร็วเพียงใด การเรียนรู้ส่วนต่างๆ ของคำเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีเครื่องมือเพิ่มเติมในการทำความเข้าใจคำศัพท์ใหม่ๆ

การใช้เบาะแสเสียง

การออกเสียงคำสามารถเป็นเบาะแสได้เช่นกัน ลองนึกภาพว่าคุณกำลังฟังนิทานอยู่ คำบางคำฟังดูเหมือนเสียงรบกวนที่คำนั้นสื่อถึง คำว่า "sizzle" ฟังดูเหมือนเสียงอาหารที่กำลังปรุงในกระทะ นี่คือตัวอย่างของเบาะแสของเสียง เสียงจะช่วยให้คุณจำได้ว่าคำนั้นหมายถึงอะไร

เป็นวิธีการเรียนรู้ที่สนุกสนาน เมื่อคุณได้ยินคำศัพท์ ให้ลองนึกถึงเสียงที่มันส่งออกมา ฟังดูเบาหรือดัง ทำให้คุณนึกถึงบางสิ่งที่สนุกหรือตื่นเต้นหรือไม่ เบาะแสเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของคำศัพท์นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น

การใช้ตัวอย่างเบาะแส

บางครั้งผู้เขียนก็ให้ตัวอย่างเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจคำศัพท์ใหม่ เมื่อคุณเห็นคำศัพท์ใหม่ ให้ดูตัวอย่างในประโยคนั้น ตัวอย่างเช่น หากหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวว่า "The clown was silly. He weare funny clothes and made everyone laughed." ตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าคำว่า "silly" มีความหมายว่าตลกหรือแปลกเล็กน้อยในลักษณะที่สนุกสนาน

เมื่อคุณทราบว่ามีการให้ตัวอย่าง ให้ดูคำศัพท์รอบๆ คำศัพท์ใหม่นั้นอย่างละเอียด คำศัพท์เหล่านี้อาจอธิบายสิ่งต่างๆ ในแบบของตัวเอง บางครั้งประโยคอาจให้คำจำกัดความของคำศัพท์นั้นโดยให้คำศัพท์อื่นที่มีความหมายเหมือนกัน นี่เป็นเบาะแสที่ชัดเจนมากที่บอกคุณได้ว่าคำศัพท์ใหม่นั้นหมายถึงอะไร

วิธีใช้เบาะแสในการอ่าน

ตอนนี้คุณรู้เกี่ยวกับคำใบ้ประเภทต่างๆ แล้ว มาดูขั้นตอนการใช้คำใบ้เหล่านี้กัน เมื่อคุณเห็นคำศัพท์ใหม่ คุณสามารถทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้:

สิ่งสำคัญคือต้องค่อยๆ ชะลอความเร็วและคิดเกี่ยวกับคำใบ้ อย่ากังวลหากคุณไม่เข้าใจคำนั้นทันที เมื่อฝึกฝนบ่อยๆ คุณจะสังเกตเห็นคำใบ้เหล่านี้ได้ดีขึ้นทุกครั้งที่อ่าน

ตัวอย่างการใช้เบาะแสในโลกแห่งความเป็นจริง

ลองนึกถึงสถานการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง ลองนึกภาพว่าคุณกำลังอ่านนิทานเกี่ยวกับสัตว์ คุณเห็นประโยคหนึ่งที่บอกว่า "ช้างตัวใหญ่เดินช้าๆ ผ่านป่าดงดิบ" ถ้าคุณรู้ว่าช้างมีลักษณะอย่างไร คุณคงเดาได้ว่า "ใหญ่โต" หมายถึงใหญ่โตมาก รูปภาพของช้างเป็นเบาะแสที่ดี!

ตัวอย่างอื่น ๆ เช่น เมื่อคุณอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับอาหาร สมมติว่าประโยคนี้ "พายแอปเปิ้ลแสนอร่อยมีกลิ่นหอมหวานในขณะที่อบ" แม้ว่าคุณจะไม่เคยชิมพายแอปเปิ้ลมาก่อน คำว่า "อร่อย" ก็มาพร้อมกับคำใบ้ รูปภาพอาจแสดงให้เห็นไอน้ำที่ลอยขึ้นจากพาย และคำอธิบายว่า "หวาน" ก็เพิ่มคำใบ้เข้าไปด้วย คุณอาจจะเดาได้ว่า "อร่อย" หมายความว่าพายมีรสชาติดีมาก

ลองนึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสภาพอากาศ คุณอาจอ่านว่า "วันที่หิมะตกนั้นหนาวมากและสดใส" คำว่า "หิมะตก" และ "หนาว" จะให้เบาะแสเกี่ยวกับสภาพอากาศแก่คุณ รูปภาพอาจเป็นภาพเด็กๆ กำลังปั้นตุ๊กตาหิมะ เบาะแสเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจว่าวันนี้หนาวและปกคลุมไปด้วยหิมะ

เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการใช้เบาะแส

จงอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอเมื่อเห็นคำศัพท์ใหม่ ไม่เป็นไรหากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับความหมายของคำศัพท์นั้น ใช้สายตาและหูของคุณหาเบาะแส มองไปรอบๆ รูปภาพ ฟังเสียงของคำศัพท์ และคิดว่าประโยคนั้นสร้างขึ้นมาอย่างไร

หากคุณอ่านหนังสือกับผู้ใหญ่หรือเพื่อน คุณสามารถขอให้พวกเขาชี้เบาะแสบางอย่าง การพูดคุยเกี่ยวกับเบาะแสจะช่วยให้คุณเข้าใจคำศัพท์ได้ดีขึ้น จำไว้ว่าการใช้เบาะแสก็เหมือนกับการเป็นนักสืบคำศัพท์ หน้าที่ของคุณคือค้นหาเบาะแสที่ช่วยให้คุณไขปริศนาว่าคำศัพท์นั้นหมายถึงอะไร

บางครั้งเบาะแสอาจไม่สามารถบอกความหมายทั้งหมดของคำได้ ซึ่งก็ไม่เป็นไร คุณสามารถใช้สิ่งที่คุณรู้เพื่อเดาเอาได้ หากคุณยังสับสนอยู่ คุณสามารถขอให้ใครสักคนที่คุณไว้ใจช่วยอธิบายคำนั้นให้ การเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ต้องอาศัยการฝึกฝนและความอดทน

การประยุกต์ใช้ Clue-Reading ในชีวิตประจำวัน

การใช้เบาะแสไม่ได้มีไว้สำหรับการอ่านหนังสือเท่านั้น คุณสามารถใช้เบาะแสได้ทุกครั้งที่เรียนรู้สิ่งใหม่ เมื่อคุณอยู่ในห้องเรียน ครูอาจอธิบายคำศัพท์ใหม่โดยให้เบาะแส ที่บ้าน คุณอาจเห็นป้ายหรือโปสเตอร์ที่มีคำศัพท์ที่คุณไม่รู้จัก ดูภาพและคำศัพท์รอบๆ ป้ายหรือโปสเตอร์

ตัวอย่างเช่น หากคุณเห็นป้ายที่มีรูปมือหยุดและเขียนคำว่า "หยุด" ไว้ คุณจะเข้าใจว่า "หยุด" หมายถึงหยุดรถ นี่คือคำใบ้ง่ายๆ ที่ช่วยให้ทุกคนทราบกฎนี้ แม้แต่ในห้างสรรพสินค้า คุณอาจเห็นป้ายที่เขียนว่า "ลดราคา" ซึ่งมีสีสันสดใสที่สื่อถึงข้อเสนอพิเศษ การออกแบบป้ายเป็นคำใบ้ที่ช่วยให้คุณทราบว่ามันหมายถึงอะไร

ทุกครั้งที่ใช้เบาะแส คุณจะเก่งขึ้นในการเดาความหมายของคำ คุณจะเรียนรู้คำศัพท์มากขึ้นซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องราวและบทสนทนา เบาะแสสามารถทำให้คุณกลายเป็นผู้อ่านที่มีความมั่นใจ แม้ว่าคุณจะเจอคำศัพท์ใหม่ก็ตาม

วิธีฝึกฝนการใช้คำใบ้

แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำกิจกรรมฝึกฝนใดๆ ในบทเรียนนี้ แต่การรู้ว่าคุณสามารถฝึกฝนการใช้เบาะแสได้ทุกวันก็มีประโยชน์ เมื่อคุณเห็นคำศัพท์ใหม่ขณะอ่าน อย่าลืมมองหาเบาะแสในรูปภาพและประโยค สมองของคุณทำงานเหมือนการไขปริศนา ทุกครั้งที่คุณนำชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน คุณจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

คุณอาจจะสนุกกับการอ่านหนังสือภาพที่มีรูปภาพสีสันสดใสมากมาย หนังสือเหล่านี้ให้เบาะแสมากมายแก่คุณ เมื่อภาพและคำศัพท์มาบรรจบกัน คุณจะเห็นว่าพวกมันอธิบายเรื่องราวอย่างไร เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะสังเกตเห็นว่าการใช้เบาะแสเป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประโยชน์อย่างมาก

สรุปประเด็นสำคัญ

ในบทเรียนนี้ เราเรียนรู้ว่าเบาะแสคือคำใบ้ที่ช่วยให้เราเข้าใจคำศัพท์ใหม่ เราค้นพบว่า:

เรายังได้เรียนรู้ขั้นตอนง่ายๆ ในการใช้เบาะแสเหล่านี้:
1. ดูรูปภาพ
2. อ่านประโยคนี้อย่างระมัดระวัง
3. คิดถึงส่วนต่างๆ ของคำ
4. ฟังเสียงของคำพูด
5. ค้นหาตัวอย่างในข้อความ

การใช้เบาะแสจะช่วยให้คุณอ่านหนังสือได้ดีขึ้น เมื่อคุณเห็นคำศัพท์ใหม่ ให้มองหาเบาะแสรอบๆ คำศัพท์นั้น ไม่นานคุณก็จะฉลาดเหมือนนักสืบ การอ่านจะง่ายและสนุกขึ้น และคุณจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ มากมายระหว่างนั้น

จำไว้ว่าทุกเบาะแสที่คุณพบคือก้าวที่เข้าใกล้ความเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น สนุกกับการอ่านและค้นหาเบาะแสต่อไป!

Download Primer to continue