Google Play badge

การตั้งชื่อและการอธิบายด้วยหมวดหมู่คำศัพท์


การตั้งชื่อและการอธิบายด้วยหมวดหมู่ของคำ

วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับหมวดหมู่คำศัพท์ที่ช่วยให้เราตั้งชื่อและอธิบายสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา หมวดหมู่คำศัพท์คือกลุ่มคำที่มีหน้าที่คล้ายกันในประโยค คำบางคำช่วยให้เราตั้งชื่อสิ่งของได้ และบางคำก็ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของเหล่านั้น เราใช้คำเหล่านี้ทุกวันเมื่อพูดถึงเพื่อน ครอบครัว โรงเรียน และโลกที่อยู่รอบตัวเรา ในบทเรียนนี้ เราจะมาสำรวจกลุ่มคำเหล่านี้ในแบบที่เรียบง่ายและชัดเจน เราจะมาดูว่าการตั้งชื่อสิ่งของหมายถึงอะไร และการเพิ่มคำอธิบายหมายถึงอะไร ทักษะเหล่านี้มีความสำคัญต่อการสื่อสารที่ชัดเจนและสนุกสนาน

บทนำสู่หมวดหมู่คำศัพท์

คำศัพท์ในภาษาอังกฤษนั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด คำศัพท์บางคำใช้เรียกชื่อสิ่งของ และบางคำใช้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของสิ่งของนั้นๆ การตั้งชื่อคำศัพท์หรือ คำนาม ช่วยให้เราระบุบุคคล สถานที่ วัตถุ และบางครั้งก็รวมถึงความคิดด้วย การอธิบายคำศัพท์หรือ คำคุณศัพท์ ช่วยให้เราสามารถระบุรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อเหล่านี้ได้ เมื่อเราผสมคำศัพท์เหล่านี้เข้าด้วยกัน เรื่องราวและประโยคของเราก็จะน่าสนใจยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น ลองพิจารณาประโยคนี้: "ลูกบอลสีแดงอ่อน" ในประโยคนี้ คำว่า ball เป็นคำนาม บอกเราว่าเรากำลังพูดถึงอะไร คำว่า red เป็นคำคุณศัพท์ จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกบอลโดยการอธิบายสีของลูกบอล คำว่า soft ก็เป็นคำคุณศัพท์เช่นกัน จะบอกรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับลูกบอลให้เราทราบ การใช้ทั้งคำนามและคำคุณศัพท์ทำให้ประโยคของเราดูมีชีวิตชีวาและชัดเจนยิ่งขึ้น

ที่บ้าน ที่โรงเรียน และข้างนอกขณะที่เล่น คุณจะได้เห็นสิ่งต่างๆ มากมาย คุณจะเรียกชื่อสิ่งต่างๆ เหล่านี้โดยใช้คำนามและอธิบายสิ่งต่างๆ เหล่านี้โดยใช้คำคุณศัพท์ บทเรียนนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจหมวดหมู่คำเหล่านี้ได้ดีขึ้น

คำนามคืออะไร?

คำนามคือคำที่ใช้เรียกชื่อบุคคล สัตว์ สถานที่ สิ่งของ หรือความคิด คำนามช่วยให้เราทราบว่าเรากำลังพูดถึงอะไรหรือพูดถึงใครในประโยค ทุกครั้งที่คุณพูดชื่อ เช่น "มีอา" "โรงเรียน" หรือ "สุนัข" คุณกำลังใช้คำนาม

คำนามมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ คือ คำนามสามัญ และ คำนามเฉพาะ คำนามสามัญเป็นชื่อทั่วไป เช่น "เมือง" "เด็กชาย" หรือ "ดอกไม้" ส่วนคำนามเฉพาะเป็นชื่อเฉพาะ โดยจะขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่ เช่น "นิวยอร์ก" "เจมส์" หรือ "โรส"

ตัวอย่างคำนามที่คุณเห็นทุกวัน ได้แก่:

คำนามมีความสำคัญมากเพราะคำนามจะบอกประธานพื้นฐานของประโยคให้เราทราบ เมื่อคุณบอกชื่อสิ่งที่คุณเห็น คุณกำลังใช้คำนาม

คำคุณศัพท์คืออะไร?

คำคุณศัพท์คือคำที่บรรยายหรือขยายความคำนาม คำเหล่านี้บอกให้เราทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของคำนาม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเรียกคำคุณศัพท์ว่าคำที่บรรยาย คำคุณศัพท์สามารถบอกเราเกี่ยวกับสี ขนาด รูปร่าง หรือแม้แต่ความรู้สึกของคำนามได้

ตัวอย่างเช่น ในประโยค "ต้นไม้ใหญ่เป็นสีเขียว" คำนามคือ ต้นไม้ และคำคุณศัพท์คือ ใหญ่ และ เขียว คำคุณศัพท์ big บอกเราถึงขนาดของต้นไม้ และ green บอกเราถึงสีของใบ

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างง่ายๆ ของคำคุณศัพท์:

ลองนึกภาพว่าคุณเห็นดอกไม้ในสวน คุณสามารถพูดได้ว่าดอกไม้นั้นคือ "ดอกไม้ที่สวยงาม" คำว่า "สวยงาม " เป็นคำคุณศัพท์ที่ช่วยให้คุณนึกภาพดอกไม้นั้นได้ชัดเจนขึ้นในใจ

การใช้คำนามและคำคุณศัพท์ร่วมกัน

เมื่อเรานำคำนามและคำคุณศัพท์มารวมกัน เราก็จะได้ประโยคที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง คำคุณศัพท์มักจะอยู่ก่อนคำนามในภาษาอังกฤษ ซึ่งช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจคำนามนั้นได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า "แมวดำ" เราพูดว่า "แมวดำ"

ต่อไปนี้คือตัวอย่างการใช้คำคุณศัพท์กับคำนาม:

การใช้คำคุณศัพท์ร่วมกับคำนามช่วยให้เราสามารถบอกผู้อื่นได้ไม่เพียงแค่ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ยังบอกได้ด้วยว่ามันดูเป็นอย่างไรหรือรู้สึกอย่างไร ซึ่งทำให้การพูดและการเขียนของเรามีชีวิตชีวาและมีรายละเอียดมากขึ้น

หมวดหมู่คำอื่นๆ ในภาษาอังกฤษ

นอกจากคำนามและคำคุณศัพท์แล้ว ภาษาอังกฤษยังมีหมวดหมู่คำศัพท์อื่นๆ ที่ช่วยให้เราสร้างประโยคที่สมบูรณ์และน่าสนใจได้ แม้ว่าวันนี้เราจะเน้นที่การตั้งชื่อและการบรรยายเป็นหลัก แต่การรู้จักกลุ่มคำศัพท์อื่นๆ ที่สำคัญก็ถือเป็นเรื่องดี

หมวดหมู่คำศัพท์บางส่วน ได้แก่:

แม้ว่าคำกริยา สรรพนาม คำบุพบท และคำสันธานจะมีบทบาทต่างกัน แต่คำเหล่านี้ทำงานร่วมกับคำนามและคำคุณศัพท์เพื่อสร้างประโยคที่ชัดเจนและมีความหมาย วันนี้เราจะเน้นที่การตั้งชื่อและการบรรยาย แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าหมวดหมู่คำเหล่านี้ช่วยให้เราบอกเล่าเรื่องราวของเราได้

การตั้งชื่อสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา

ในแต่ละวัน เรามักจะเห็นสิ่งของต่างๆ มากมายที่เราสามารถตั้งชื่อได้โดยใช้คำนาม เมื่อคุณตื่นนอนในตอนเช้า คุณอาจเห็นเตียง หน้าต่าง หรือของเล่นชิ้นโปรดของคุณ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำนามเนื่องจากเป็นชื่อของสิ่งของต่างๆ ที่คุณเห็น

คุณยังตั้งชื่อบุคคลในชีวิตของคุณอีกด้วย คำว่า แม่ พ่อ เพื่อน และ ครู ล้วนเป็นชื่อของบุคคล การเรียนรู้ที่จะจดจำและใช้คำนามเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างคำศัพท์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพูดและการเขียน

คำนามมีหลายประเภท คำนามบางคำใช้เรียกสิ่งของในชีวิตประจำวัน และบางคำใช้เรียกสิ่งของพิเศษ ตัวอย่างเช่น "หนังสือ" เป็นคำนามทั่วไปเพราะเป็นคำเรียกสิ่งของทั่วไป ส่วน "แฮร์รี่ พอตเตอร์" เป็นคำนามเฉพาะเพราะเป็นชื่อหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่ง การเข้าใจความแตกต่างช่วยให้เราเลือกคำได้อย่างรอบคอบ

การบรรยายโลกของเราด้วยคำคุณศัพท์

ในขณะที่คำนามบอกเราว่าสิ่งนั้นคืออะไร คำคุณศัพท์บอกเราได้มากกว่าว่าสิ่งนั้นดูเป็นอย่างไรหรือให้ความรู้สึกอย่างไร คำคุณศัพท์จะเพิ่มรสชาติให้กับประโยคของคุณ ลองนึกถึงผลไม้ที่คุณชอบ ถ้าคุณพูดว่า "แอปเปิล" คุณก็กำลังบอกชื่อผลไม้นั้น แต่ถ้าคุณพูดว่า "แอปเปิลกรอบฉ่ำ" คุณก็กำลังบรรยายถึงผลไม้นั้น คำคุณศัพท์ "กรอบ และ ฉ่ำ" จะช่วยให้ผู้คนจินตนาการถึงแอปเปิลได้ดีขึ้นมาก

คุณอาจเห็นบ้านหลังใหญ่หรือหลังเล็ก รถที่วิ่งเร็วหรือช้า หรือต้นไม้ที่สูงและเขียวขจี การใช้คำคุณศัพท์จะช่วยให้คุณเลือกภาพในใจของบุคคลที่กำลังฟังหรืออ่านคำพูดของคุณ ต่อไปนี้เป็นคำคุณศัพท์ง่ายๆ ที่สามารถใช้ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน:

การเลือกคำคุณศัพท์ที่ถูกต้องจะทำให้ประโยคของคุณน่าสนใจขึ้น การสังเกตสิ่งรอบตัวและบรรยายถึงสิ่งเหล่านั้นเป็นวิธีที่สนุกในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลก

การรวมการตั้งชื่อและการอธิบาย: การสร้างประโยค

เมื่อเราใช้คำนามและคำคุณศัพท์ร่วมกัน เราก็จะเริ่มสร้างประโยคที่สมบูรณ์ ประโยคสามารถบอกความคิดที่ชัดเจนได้หากเราใช้การตั้งชื่ออย่างถูกต้องและเพิ่มคำอธิบายในจุดที่จำเป็น กฎพื้นฐานในภาษาอังกฤษคือ คำคุณศัพท์มักจะอยู่ก่อนคำนาม ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า "ball red" เราจะพูดว่า "red ball"

มาดูตัวอย่างเพิ่มเติมกัน:

เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะรวมคำเหล่านี้เข้าด้วยกัน คุณสามารถแบ่งปันเรื่องราวอันแสนวิเศษกับเพื่อน ๆ ของคุณหรือเขียนไอเดียสนุก ๆ ลงไปได้ คุณสามารถมองไปรอบ ๆ ตั้งชื่อสิ่งที่คุณเห็น จากนั้นจึงเพิ่มคำคุณศัพท์เพื่อแสดงรายละเอียดเพิ่มเติม ทักษะง่าย ๆ ของการตั้งชื่อและอธิบายนี้เป็นรากฐานของการสื่อสารที่ดี

ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน

ลองนึกถึงโลกที่อยู่รอบตัวคุณ ในห้องเรียนของคุณ คุณเห็นสิ่งต่างๆ มากมายที่คุณสามารถตั้งชื่อได้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจเห็น "โปสเตอร์สีสันสดใส" " คุณครูที่มีความสุข" หรือ "ห้องเรียนที่วุ่นวาย" คำแต่ละคำในวลีเหล่านี้มีบทบาทพิเศษ คำแรกในแต่ละวลีบอกเราเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามที่ตามมา ตัวอย่างในชีวิตประจำวันเหล่านี้จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงคำศัพท์ที่คุณเรียนรู้กับโลกที่คุณอาศัยอยู่ได้

ที่บ้าน คุณอาจเห็น “ผ้าห่มอุ่นๆ” “ถ้วยมันวาว” หรือ “คุกกี้กรอบ” สังเกตว่าคำคุณศัพท์เหล่านี้ช่วยให้คุณจินตนาการถึงผ้าห่มที่อุ่น ถ้วยมันวาว หรือคุกกี้ที่กรอบได้ เมื่อฝึกเรียกชื่อและบรรยาย คุณจะเริ่มใช้คำเหล่านี้ในหลายช่วงเวลาของวัน ซึ่งจะทำให้การสนทนาของคุณมีสีสันและสนุกสนานมากขึ้น

เมื่อคุณพูดคุยกับครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ให้ลองบอกชื่อสิ่งที่คุณเห็นและเพิ่มคำคุณศัพท์ลงไปเพื่อบอกพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเห็น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถพูดว่า "ฉันเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใส" ประโยคง่าย ๆ นี้จะบอกผู้อื่นได้ว่าคุณเห็นอะไรและท้องฟ้านั้นมีลักษณะอย่างไร นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้คุณจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณมักจะมองข้ามได้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลำดับคำและโครงสร้างประโยค

ในภาษาอังกฤษ ลำดับของคำในประโยคมีความสำคัญ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นด้วยประธาน กริยา และกรรม เมื่อเราใช้คำคุณศัพท์ คำคุณศัพท์จะอยู่ก่อนคำนามที่อธิบาย เช่น ในประโยค "The gentle wind blows softly" คำว่า wind เป็นคำนาม ส่วน gentle ขยายคำนาม กริยา blows บอกเราถึงการกระทำ และคำวิเศษณ์ softly บอกเราว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แม้ว่าในปัจจุบันเราจะเน้นที่การตั้งชื่อและอธิบายด้วยคำนามและคำคุณศัพท์เป็นหลัก

โครงสร้างนี้ช่วยให้ทุกคนเข้าใจว่าใครหรือสิ่งใดกำลังทำการกระทำนั้น และกำลังอธิบายเกี่ยวกับสิ่งใด เมื่อคุณทราบลำดับง่ายๆ นี้แล้ว คุณก็สามารถสร้างประโยคที่ชัดเจนและติดตามได้ง่าย ประโยคธรรมดา เช่น "The little bird sings." หรือ "The green frog jumps." เป็นตัวอย่างของการใช้ลำดับคำที่ถูกต้อง

การเลือกอย่างระมัดระวัง: เมื่อใดควรใช้คำอธิบาย

การเลือกคำคุณศัพท์อย่างระมัดระวังนั้นเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งอาจใช้คำคุณศัพท์มากกว่าหนึ่งคำเพื่ออธิบายคำนาม เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เราต้องตัดสินใจว่าคำคุณศัพท์ใดควรมาก่อน ในกรณีส่วนใหญ่ คำคุณศัพท์จะค่อยๆ เปลี่ยนไปจากคำที่บอกคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดไปจนถึงคำที่มีรายละเอียดเพิ่มเติม

ตัวอย่างเช่น คุณอาจพูดว่า "ลูกโป่งสีแดงลูกใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า" โดยคำว่า "ใหญ่" จะบอกขนาดของลูกโป่ง ส่วนคำว่า "แดง" จะบอกสีของลูกโป่ง คำคุณศัพท์ทั้งสองคำนี้ใช้ร่วมกันเพื่อให้เห็นภาพบอลลูนได้ชัดเจนขึ้น การใช้คำคุณศัพท์ไม่เพียงแต่ทำให้ประโยคของคุณยาวขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ฟังเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในใจอีกด้วย

การผสมคำคุณศัพท์กับคำนามนั้นเป็นเรื่องสนุก คุณสามารถบรรยายวันที่อากาศแจ่มใสว่าเป็น "วันที่อบอุ่นสดใส" หรือบรรยายวันที่ฝนตกว่าเป็น "วันที่มืดมนและเปียกชื้น" ตัวเลือกเหล่านี้จะช่วยสร้างภาพที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ ยิ่งคุณฝึกฝนมากเท่าไหร่ การเลือกคำที่สมบูรณ์แบบก็จะยิ่งเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น

ส่วนเสริม: การเรียนรู้คำกริยา คำสรรพนาม และอื่นๆ

แม้ว่าการตั้งชื่อและการบรรยายจะเป็นส่วนหลักของบทเรียนในวันนี้ แต่ก็ควรทราบว่าภาษาอังกฤษมีหมวดหมู่คำศัพท์อื่นๆ ที่ช่วยให้เราสร้างประโยคได้ ตัวอย่างเช่น กริยา เป็นคำกริยาที่แสดงการกระทำ ซึ่งแสดงถึงสิ่งที่ประธานกำลังทำอยู่ เช่น "วิ่ง" "เล่น" หรือ "กระโดด" กริยาช่วยเติมพลังให้กับประโยคของคุณ

สรรพนาม คือคำที่ใช้แทนคำนาม ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องพูดชื่อบุคคลหรือสิ่งของซ้ำหลายครั้ง คำเช่น "เขา" "เธอ" และ "มัน" เป็นสรรพนาม มีประโยชน์มากในการสนทนา

คำบุพบท เป็นคำเล็กๆ ที่บอกเราว่าสิ่งของอยู่ที่ไหน ตัวอย่างเช่น "in" "on" และ "under" ช่วยให้เราเข้าใจตำแหน่งของวัตถุได้ สุดท้าย คำเชื่อม เช่น "and" "but" หรือ "or" จะช่วยเชื่อมคำและประโยคเข้าด้วยกัน หมวดหมู่คำเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้ภาษาสนุกและมีประสิทธิภาพ วันนี้เราจะมาเน้นที่คำที่ช่วยให้เราตั้งชื่อและอธิบายสิ่งที่เราเห็น

การประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง

การเข้าใจการตั้งชื่อและอธิบายคำศัพท์ช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ เมื่อคุณตั้งใจฟัง คุณอาจสังเกตเห็นว่าเรื่องราว บทสนทนา และแม้แต่คำแนะนำต่างๆ ล้วนใช้คำศัพท์เหล่านี้ทุกวัน ตัวอย่างเช่น เมื่อครูของคุณอธิบายกิจกรรมใหม่ หรือเมื่อภาพในหนังสือเต็มไปด้วยคำอธิบายโดยละเอียด คำนามและคำคุณศัพท์จะช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์นั้นๆ ได้ คำเหล่านี้จะช่วยให้คุณจินตนาการถึงโลกได้อย่างมีชีวิตชีวา

เมื่อคุณเดินทางกับครอบครัว คุณอาจพูดว่า "ดูตึกสูงนั่นสิ" หรือ "สวนสวยจัง!" ประโยคธรรมดาเหล่านี้ใช้ทั้งคำนามและคำคุณศัพท์เพื่อแบ่งปันความคิดของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเห็น แม้แต่ในงานศิลปะและดนตรี ผู้คนก็ใช้คำเพื่อสร้างภาพในใจ นักเขียนและกวีเลือกใช้คำอย่างระมัดระวังเพื่อกระตุ้นความรู้สึกและภาพ การเรียนรู้วิธีตั้งชื่อและบรรยายให้ดีจะช่วยพัฒนาทักษะสำคัญที่จะช่วยให้คุณอ่าน เขียน และสนทนาในชีวิตประจำวันได้

ทักษะนี้ยังช่วยให้คุณทำงานเป็นกลุ่มได้ดีขึ้น เมื่อคุณอธิบายบางสิ่งบางอย่างให้เพื่อนฟัง การเลือกคำที่เหมาะสมจะทำให้เพื่อนเข้าใจคุณได้ง่ายขึ้น เหมือนกับการแชร์ภาพที่ชัดเจนของสิ่งที่คุณเห็นในใจ เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะสังเกตได้ว่าการใช้คำนามและคำคุณศัพท์อย่างระมัดระวังทำให้ภาษาของคุณแสดงออกได้ดีและสร้างสรรค์มากขึ้น

การนำทุกสิ่งมารวมกัน

มาทบทวนกันดีกว่าว่าการตั้งชื่อและบรรยายคำต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างไรในประโยค ขั้นแรก เราใช้ คำนาม เพื่อตั้งชื่อสิ่งที่เราเห็น คำนามเหล่านี้เป็นส่วนหลักของประโยค หากไม่มีคำนาม เราก็ยากที่จะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงอะไร ประการที่สอง เราใช้ คำคุณศัพท์ เพื่อเพิ่มรายละเอียด คำคุณศัพท์ช่วยให้เราทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับสี ขนาด รูปร่าง หรือลักษณะอื่นๆ ของคำนาม

ต่อไปนี้เป็นโครงสร้างประโยคที่เรียบง่ายซึ่งประกอบด้วยคำนามและคำคุณศัพท์:

คุณสามารถเพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยใช้คำคุณศัพท์หรือส่วนประกอบของคำพูดเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น "โรงเรียนเล็กๆ ที่วุ่นวายเต็มไปด้วยนักเรียนที่ตื่นเต้น" ในประโยคนี้ school เป็นคำนาม ส่วน small และ busy เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้บรรยายโรงเรียน ประโยคจะน่าสนใจและชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยคำเพิ่มเติมเหล่านี้

เมื่อคุณฝึกฝน คุณจะเรียนรู้ที่จะมองโลกในรูปแบบของสิ่งต่างๆ ที่สามารถตั้งชื่อและบรรยายได้ วิสัยทัศน์นี้จะช่วยให้คุณสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และแบ่งปันกับผู้อื่นในรูปแบบที่สนุกสนานและสร้างสรรค์ ไม่ว่าคุณจะกำลังวาดรูป เล่าเรื่อง หรือเพียงแค่คุยกับเพื่อนๆ การตั้งชื่อและบรรยายจะเป็นทักษะที่มีประโยชน์เสมอ

สรุปประเด็นสำคัญ

เพื่อทบทวน นี่คือประเด็นหลักจากบทเรียนของเราในวันนี้:

โปรดจำไว้ว่าทุกครั้งที่คุณเห็นสิ่งใหม่ๆ ให้พยายามตั้งชื่อและคิดคำคุณศัพท์หนึ่งหรือสองคำเพื่อบอกเล่าเรื่องราวเพิ่มเติม การฝึกฝนง่ายๆ นี้จะช่วยให้คุณเป็นผู้พูดและนักเขียนที่ดีขึ้น

อ่าน ฟัง และฝึกฝนทักษะการใช้คำศัพท์เหล่านี้ต่อไป ยิ่งคุณใช้คำนามและคำคุณศัพท์มากเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีความคิดสร้างสรรค์และมั่นใจในทักษะทางภาษาของคุณมากขึ้นเท่านั้น เพลิดเพลินไปกับการตั้งชื่อและบรรยายสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณ และสนุกกับคำศัพท์ของคุณ!

บทเรียนนี้จะแสดงให้คุณเห็นถึงวิธีการใช้หมวดหมู่คำศัพท์เพื่อตั้งชื่อและบรรยายสิ่งต่างๆ ด้วยการทำความเข้าใจคำนามและคำคุณศัพท์ คุณสามารถเขียนประโยคได้ชัดเจนและน่าสนใจ ใช้ความรู้ใหม่ของคุณทุกวันเพื่อสำรวจโลกในแบบที่สนุกสนานและมีรายละเอียด

Download Primer to continue